วันอาทิตย์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2555

เรียนทำธุรกิจเครือข่ายออนไลน์กับใครดี

ห่างหายจากการเขียนบทความในบล็อกนี้ไปซะนานเนื่องจากติดภาระกิจอื่น พอดีเมื่อวานได้คุยกับเพื่อนท่านนึงใน facebook เรื่อง "เรียนทำธุรกิจเครือข่ายกับใครดี" คือประมาณว่าเค้ามาปรึกษาว่าจะเรียนกับอาจารย์ท่านนี้ดีไหม ผมเคยไปเรียนกับอ.ท่านนี้ไหม หรือรู้จักใครที่เคยไปเรียนกับอ.ท่านนี้บ้าง สอนแล้วเอาไปใช้ได้จริงไหม ฯลฯ เยอะครับ ก็เลยคิดที่จะเขียนบทความนี้เพื่อเป็นแนวทางการตัดสินใจ สำหรับนักธุรกิจเครือข่ายที่กำลังมองหาโรงเรียนสอนธุรกิจเครือข่าย หรือกำลังมองหาอ.สอนวิธีทำธุรกิจเครือข่ายที่เน้นการทำงานในแบบออนไลน์

ก่อนที่จะไปดูว่าจะเรียนทำธุรกิจเครือข่ายกับใครดี ต้องขออธิบายถึงรูปแบบการทำธุรกิจเครือข่ายแบบออนไลน์ ซะก่อน เพราะเป็นปัจจัยที่จะต้องนำไปวิเคราะห์แนวทางการสอนของอ.แต่ละท่าน เพื่อประกอบการตัดสินที่จะเลือกเรียน รูปแบบก็แบ่งออกเป็น 2 สาย คือ สายใช้แรง+ฝีมือ กับ สายใช้เงินทำงาน

ทีนี้เรามาดูว่าสิ่งที่เหมือนกันของทั้งสองสายกันก่อน

ทั้งสองสายใช้รูปแบบการทำงานที่เหมือนกัน คือ ใช้หลักการของการตลาดดึงดูด (Attaction Marketing) เป็นการตลาดที่จะดึงดูดผู้ที่สนใจเข้ามาหาเรา โดยอาศัยเว็บไซต์หรือบล็อกเป็นตัวแทนเริ่มต้นในการสื่อสารข้อมูลต่าง ๆ แก่ผู้คนที่มาพบเจอ สิ่งที่ใช้ดึงดูดให้ผู้คนสนใจก็คือ "ตัวเราเอง" เรียกกันว่า การแบรนด์ตัวเอง (Self Branding) เป็นการสร้างตัวเองให้เป็นจุดสนใจ บอกกล่าวผู้คนว่าเราคือผู้รู้วิธีการทำธุรกิจเครือข่ายออนไลน์ ที่ทำให้ใคร ๆ ก็สามารถประสบความสำเร็จได้ จากนั้นหากผู้คนที่มาพบเจอแล้วเกิดความสนใจ ต้องการติดต่อหรือรับข้อมูลต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ ก็จะมีช่องทางที่เร้าใจ ที่ดึงดูด เพื่อให้กรอกอีเมล์เพื่อรับข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ต่อไป ซึ่งก็คือการทำ email marketing หลักการคร่าว ๆ ก็มีตามนี้

คงพอได้ข้อมูลเบื้องต้นของ การทำธุรกิจเครือข่ายออนไลน์ กันไปบ้างแล้ว คราวนี้มาดูสิ่งที่แตกต่างกันของทั้งสองสายกันบ้าง

สิ่งที่ต่างกันของทั้งสองสายก็คือ วิธีการที่จะทำให้ผู้คนพบเจอเรา ซึ่งที่จริงก็คือการพบเจอเว็บไซต์หรือบล็อกของเรา

สายใช้แรง+ฝีมือ ใช้วิธีการทำให้ผู้คนพบเจอด้วยการทำ SEO (Search Engine Optimization) เป็นการดันอันดับเว็บไซต์/บล็อกให้อยู่ในหน้าแรกของผลการค้นหาจากเว็บเสิร์ชต่าง ๆ ด้วยคำค้นหา (Keyword) ที่เรากำหนดไว้ และสามารถเลือกเวลาที่ให้โฆษณาแสดงได้ด้วย เว็บเสิร์ชที่ว่าก็คือ google ซึ่งเป็นเว็บเสิร์ชที่ได้รับความนิยมสูงสุด

สายใช้เงินทำงาน ใช้วิธีการลงโฆษณาในเว็บเสิร์ช ที่ได้รับความนิยมกันมากคือ โฆษณาบน google เรียกว่า google adword โดยสามารถเลือกได้ว่าจะให้โฆษณาไปปรากฎอยู่ใน keyword ไหนบ้าง (แสดงอยู่ด้านบน+ด้านข้างบนพื้นสีครีมอ่อน ๆ ของผลการค้นหา) ซึ่งค่าโฆษณาจะไม่ตายตัว แต่ละ keyword มีค่าโฆษณาที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ยังสามารถลงโฆษณาในเว็บโซเชียลเน็ตเวิร์ค ซึ่งนิยมกันก็คือ facebook เรียกว่า Facebook Ads โฆษณานี้จะแสดงอยู่ด้านขวามือของ facebook ทั้งที่กระดานข้อความและข้อมูลส่วนตัว เราสามารถกำหนดรายละเอียดผู้ที่จะเห็นโฆษณาได้หลายหลาย เช่น เพศ อายุ การศึกษา ความสนใจ เวลาที่จะให้โฆษณาปรากฎ

แล้วอาจารย์คนไหนสอนแบบไหน

คุณสามารถรู้ได้ง่าย ๆ เลย ด้วยการโทรศัพท์หรือส่งเมล์ติดต่อไป อาจต้องฟังการยกแม่น้ำทั้งห้ามาก่อน ก็ฟังไปครับ อาจเป็นประโยชน์ต่อตัวคุณ แต่คำถามที่ตั้งใจถามเพื่อให้รู้ว่าเป็นอ.สายไหน คือ "ผู้คนจะมาพบเจอเว็บไซต์/บล็อกเราได้ยังไง" ถ้าอ.ท่านไหนพูดถึงโฆษณา ไม่ว่าจะ Google Adword หรือ Facebook Ads นั่นแหละสายใช้เงินทำงาน เพราะคนที่ทำ SEO เป็นจะไม่สนใจการลงโฆษณาเลย (อาจจะมีบ้างก็แค่ Facebook Ads)

บอกมาอย่างนี้แล้วจะเลือกเรียนทำธุรกิจเครือข่ายกับสายไหนดี

ถ้าคุณคิดว่าสามารถสร้างเนื้อหาที่จะดึงดูดผู้คนได้ ไม่ว่าจะเขียนขึ้นเองจากประสบการณ์ หรือนำเรื่องราวต่าง ๆ มาเรียบเรียงใหม่ได้ ผมว่าก็น่าจะเหมาะกับสายใช้แรง+ฝีมือ แต่ถ้าไม่แน่ใจหรือคิดว่าไม่สามารถสร้างเนื้อหาได้ สายใช้เงินทำงานก็น่าจะเหมาะกว่า เพราะไม่ต้องสร้างเนื้อหาเท่าไหร่ ใช้ข้อความดึงดูดของเค้าเป็นตัวอย่างได้ แต่อนาคตหากต้องการสำเร็จในธุรกิจเครือข่าย ก็ต้องเป็นผู้นำให้คนติดตาม ต้องสร้างเนื้อหาเองอยู่ดี

แล้วมีโอกาสจะนำบทความที่คิดว่าเป็นประโยชน์มาฝากอีกครับ
Mr.Supawat (ลุงเต่า เขย่าเว็บ)

วันอังคารที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2554

ธุรกิจเครือข่าย CAT CDMA ดูกี่ทีก็แปลก

ห่างหายจากการเขียนบทความในบล็อก "อย่าทำธุรกิจเครือข่าย & ธุรกิจออนไลน์" ซะนาน มัวแต่ไปฝึกปรือวิชาการทำมาหากินบนโลกออนไลน์อยู่ วันนี้มีโอกาสที่จะเขียนบทความให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกัน เป็นเรื่องของ ธุรกิจเครือข่าย CAT CDMA ซึ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวกับซิมโทรศัพท์ในระบบ 3G ที่ผมได้รู้จักกับธุรกิจนี้ก็เป็นเพราะ ได้รับเมล์จากใครก็ไม่รู้หลายท่าน ที่เค้าเรียกว่า Spam mail มาชักชวน นำเสนอให้เข้ามาร่วมทำธุรกิจเครือข่ายตัวนี้กับเค้า ก็เลยไปหาข้อมูลซะหน่อย

ขึ้นชื่อบทความมาว่า "ธุรกิจเครือข่าย CAT CDMA ดูกี่ทีก็แปลก" เพราะในความรู้สึกผม มันแปลกจริง ๆ ที่จริงอยากจะเขียนเรื่องนี้มาตั้งนานแล้ว แต่กลัวถูกผู้ที่ทำธุรกิจเครือข่ายตัวนี้อยู่ด่าเอา แต่คิดไปคิดมา เอามาเล่าให้เพื่อน ๆ ฟังดีกว่า เป็นอีกหนึ่งมุมมองของผม ซึ่งถ้าผมเข้าใจอะไรผิดไป เดี๋ยวก็ต้องมีคนมาชี้แจงอยู่ดี แต่ถ้าผมเข้าใจถูก คนที่เข้ามาอ่านบทความนี้จะได้ "หู ตา สว่าง" ซักที

ประเด็นที่ว่าแปลก คือ ผมมีข้อสงสัยอยู่ 2 จุด
  • จุดแรก CAT CDMA (กสท.) เป็นองค์กรของรัฐ เค้าอนุญาตให้นำผลิตภัณฑ์มาทำในลักษณะ ธุรกิจเครือข่าย ด้วยหรือ
  • จุดที่สอง เรื่อง รูปแบบของธุรกิจ ผมสงสัยว่า ธุรกิจเครือข่าย CAT CDMA เข้าข่าย Money Game หรือเปล่า
เรามาดูรายละเอียดจากที่ผมวิเคราะห์และหาข้อมูลมากันเลยดีกว่า

ข้อสงสัยในจุดแรก เมื่อลองเช็คข้อมูลจากเว็บของ สคบ. (สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการออกใบอนุญาต ให้กับบริษัทที่ทำธุรกิจเครือข่าย อันนี้เคลียร์ เค้ามีใบอนุญาตจริง ๆ แต่พอไปลองเช็คกับผู้ให้บริการ CAT CDMA ซึ่งก็คือ การสื่อสารแห่งประเทศไทย (กสท.) ได้ความมาว่า กสท. ได้แต่งตั้งให้บริษัทนี้ เป็นตัวแทนในการจำหน่าย "ซิมการ์ด" จริง ซึ่งก็ตรงก็หนังสือที่เค้าเอามาโชว์ แต่เรื่องรูปแบบในการจำหน่าย จะเป็นลักษณะใดนั้น กสท. ไม่ได้กำหนด

จากข้อมูลที่หามาได้จากทาง กสท. ทำให้ทราบว่า ไม่ได้ให้การสนับสนุนหรือรับประกันผลตอบแทนไม่ว่ารูปแบบใด ๆ ที่ผู้จัดจำหน่ายสินค้า/บริการโทรศัพท์ CAT CDMA เสนอให้กับ เจ้าหน้าที่ขาย,ตัวแทนจำหน่ายรายย่อย,สมาชิก,ผู้ร่วมลงทุน หรือผู้ร่วมดำเนินธุรกิจของ ผู้จัดจำหน่ายสินค้า/บริการโทรศัพท์ CAT CDMA และ ที่สำคัญ ไม่มีนโยบายสนับสนุนการขายแบบเครือข่าย ที่มีลักษณะเป็นแชร์ลูกโซ่ของผู้จัดจำหน่ายสินค้า/บริการโทรศัพท์ CAT CDMA แปลไทยเป็นไทย ได้ว่า กสท. ไม่ได้เกี่ยวข้องหรือส่งเสริมกับการดำเนินธุรกิจในลักษณะ ธุรกิจเครือข่าย ย่อหน้านี้ เพื่อน ๆ สามารถเข้าไปอ่านของจริงได้ที่เว็บไซต์ของ CAT CDMA ได้โดยตรงตามลิงค์นี้ http://www.catcdma.com/th/shop.rhtml?shopId=30 โดยเนื้อหาจะอยู่ที่ หมายเหตุ ด้านล่างของหน้าเพจนะครับ

ลึกไปกว่านั้น ไปพบข้อมูลใน ผู้จัดการออนไลน์ ทำให้ทราบว่า ที่จังหวัดน่าน ธุรกิจเครือข่าย CAT CDMA ระบาดหนัก จน กสท.น่าน มีการแจ้งเตือนประชาชน ให้ทำการตรวจสอบข้อมูลก่อนร่วมทำธุรกิจ และแจ้งว่า กสท. ไม่มีนโยบายให้สิทธิประโยชน์จากค่าบริการโทรศัพท์ หรือค่าบริการการใช้อินเทอร์เน็ต เนื่องจากในทางปฏิบัติแล้ว หากผู้ใช้บริการมาชำระค่าโทรศัพท์ที่สำนักงาน กสท.น่าน ก็ไม่มีทางที่เจ้าหน้าที่จะแบ่งเปอร์เซ็นต์ หรือสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่กลุ่มบุคคลไปกล่าวอ้างได้ เพื่อน ๆ สามารถเข้าไปดูข้อมูลส่วนนี้ได้ที่ http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9540000018126

ข้อสงสัยในจุดที่สอง อันนี้ซิครับ เรื่องใหญ่ ตัวบริษัทเค้ากำหนดค่าใช้จ่ายในการสมัคร เป็นจำนวนเงิน 741 บาท (เจ็ดร้อยสี่สิบเอ็ดบาทถ้วน) แบ่งเป็น ค่าซิม 99 บาท ที่เหลืออีก 642 บาท เป็นค่าสมัครเข้ามาทำธุรกิจ หากเพื่อน ๆ ท่านใดที่ทำงานคลุกคลีอยู่กับตัวเลข เห็นตัวเลขจำนวน 642 บาทนี้ ก็จะถึงบางอ้อ เพราะมันคือ จำนวนเงินที่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม (600x7% = 42) ดังนั้นค่าสมัครที่เค้าจะได้รับจริง ก็เป็นเงิน 600 บาท (จำข้อมูลตรงนี้ไว้ก่อนนะครับ เดี๋ยวเราต้องเอาไปใช้วิเคราะห์กัน) ส่วนค่าซิม บริษัทก็ต้องไปจ่ายให้กับ CAT CDMA (กสท.) อยู่แล้ว อาจจะได้กำไรบ้าง ก็เป็นเรื่องปกติของการทำธุรกิจซื้อมาขายไป สำหรับภาษีมูลค่าเพิ่มก็ต้องไปสู่กระบวนการทางสรรพากรต่อไป คงไม่มีกำรี้กำไรอะไร

ในตัวแผนการจ่ายผลตอบแทนให้กับสมาชิก เค้าบอกว่าสมาชิกจะได้ มีเพียง 4 ข้อ ดังนี้
  1. โบนัสขยายซิม ได้ 107 ต่อ ซิม พูดง่าย ๆ ก็คือ ชวนคนมาทำธุรกิจเช่นเดียวกับเรา
  2. โบนัสลิขสิทธิ์ ได้ซิมละ 19.25 บาท จำนวน 5-10 ชั้นลึก ก็คือ คนใต้องค์กร ไปชวนใครมาต่อเราก็ได้ด้วย
  3. โบนัสรายเดือน จากค่าโทร + ค่าเน็ต ได้เงิน 3 บาทต่อเบอร์ โดยสามารถได้รับถึง 3-9 ชั้นลึก
  4. กองทุนสวัสดิการอื่น ๆ
หากพิจารณาโดยคร่าว ๆ จากแผนการจ่ายผลตอบแทนในข้อที่ 1 และ 2 เท่ากับว่า หากเราสมัครเข้าร่วมทำธุรกิจแล้ว จากจำนวนเงินที่บริษัทจะได้รับจริง (ที่บอกให้จำตัวเลขไว้ก่อนไงครับ) จำนวน 600 บาท จะถูกจัดสรรปันส่วนให้แก่สมาชิกผู้มาก่อนเรา ที่เรียกอย่างเป็นทางการว่า Upline เป็นเงิน 107+(19.25x9คน) ซึ่งก็คือ 280.25 บาท (สองร้อยแปดสิบบาทยี่สิบห้าสตางค์) เท่ากับว่าทางบริษัทจะได้รับเงินก่อนที่จะนำมาจ่ายสำหรับกองทุนสวัสดิการอื่น ๆ ตามแผนข้อ 4 เป็นจำนวน 319.75 บาท (สามร้อยสิบเก้าบาทเจ็ดสิบห้าสตางค์) ตรงนี้ ผมเองก็ไม่ค่อยเข้าใจชัดเจนว่า กองทุนสวัสดิการอื่น ๆ ที่ว่านี้ มีอะไรบ้าง เท่าที่ได้รับการชี้แจงจากผู้ที่ทำธุรกิจเครือข่าย CAT CDMA อยู่ ทราบว่า เป็นการทำประกันชีวิตให้ ถ้าจำไม่ผิดวงเงินจะอยู่ที่ 100,000 บาท ซึ่งก็เป็นลักษณะการทำประกันแบบกลุ่ม ค่าใช้จ่ายต่อหัวคงไม่สูงนัก

ส่วนแผนการจ่ายผลตอบแทนข้อ 3 เรื่อง โบนัสรายเดือน จากค่าใช้จ่ายผู้ที่อยู่ใต้เราทำการใช้งานไป ในเมื่อ กสท. บอกว่าไม่มีนโยบายให้ประโยชน์แก่ใครในส่วนนี้ เลยไม่รู้ว่าบริษัทจะเอาเงินจากไหนมาจ่ายให้

จากความคลุมเครือต่าง ๆ ที่กล่าวมา ทั้งในเรื่องนโยบายของ CAT CDMA (กสท.) และ การเป็นเพียงผู้แทนจำหน่าย ไม่ได้มีสินค้าหรือบริการเป็นของตนเอง แต่เรียกเก็บเงินค่าสมาชิก โดยนำเงินนั้นไปจ่ายต่อให้คนในเครือข่าย ส่วนที่เหลือจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ บริษัทรับเต็ม ๆ ไม่ต้องนำมาปรับปรุงสินค้าหรือบริการ (เพราะไม่มีเป็นของตัวเอง) ผมจึงมองว่า ธุรกิจเครือข่าย CAT CDMA น่าจะเข้าข่าย ธุรกิจ Money Game ซึ่งผมเองคง บ๊าย บาย ไม่เอาด้วย

หากผู้ที่กำลังทำ ธุรกิจเครือข่าย CAT CDMA ท่านใดที่เข้ามาอ่านบทความนี้ ถ้าเห็นว่าตรงไหนที่ผมคิดวิเคราะห์มาไม่ถูกต้อง ก็สามารถใช้ blog นี้เป็นที่ชี้แจงได้นะครับ ประชาชนคนอื่น ๆ รวมทั้งผม จะได้เข้าใจให้ถูกต้อง หรือว่า ความเข้าใจของผม "มันถูกอยู่แล้ว"



วันเสาร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ผู้รู้เคล็ดลับการทำธุรกิจเครือข่าย ปะทะ สุดยอดนักธุรกิจเครือข่ายออนไลน์

เพื่อน ๆ อาจเคยค้นหาข้อมูลใน Google จนได้เข้าไปพบเจอกับ ผู้รู้เคล็ดลับการทำธุรกิจเครือข่าย หรือ สุดยอดนักธุรกิจเครือข่ายออนไลน์ กันไปบ้างแล้ว แล้ว Super Hero ในวงการธุรกิจเครือข่ายทั้งสองกลุ่ม เหมือนกันหรือแตกต่างกันอย่างไร บทความนี้เราจะได้รู้กัน

ตามจริงแล้ว Super Hero ทั้งสองกลุ่มนี้มีสิ่งที่เหมือนกันอยู่ 2 อย่างคือ มีความรู้เรื่องการตลาดดึงดูด (Attraction Marketing) และ มีความรู้ในเรื่องการใช้เครื่องมือในการทำการตลาดออนไลน์ ส่วนที่แตกต่างกันมีเพียงนามสมมุติที่ใช้เรียกตัวเองเท่านั้น แล้วใครจะเจ๋งกว่ากัน เราไปดูกันต่อ

ขอเปรียบเทียบบุคคล 2 กลุ่มนี้กับตัวละครเกี่ยวกับ Super Hero ที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดีก็แล้วกัน ให้กลุ่มแรกเป็น BATMAN อีกกลุ่มเป็น IRON MAN ทั้งสองเป็นเศรษฐีเหมือนกัน มีเครื่องไม้เครื่องมือไฮเทคเหมือนกัน สุดท้ายมีวัตถุประสงค์เดียวกัน เรียกว่ามีเจตนารมย์เดียว คือ กำจัดคนพาล อภิบาลคนดี

นักธุรกิจเครือข่ายทั้งสองกลุ่ม ก็เช่นกัน เป็นเศรษฐีความรู้เหมือนกัน รู้จักใช้เครื่องมือโฮเทคมาทำการตลาดออนไลน์เหมือนกัน แถมยังมีวัตถุประสงค์เดียวกัน คือ สร้างนักธุรกิจเครือข่ายให้ประสบความสำเร็จ แต่การจะสร้างใครให้ประสบความสำเร็จของเขานั้น สิ่งที่จำเป็นอย่างแรกคือ "ต้องร่วมธุรกิจกับเขาเท่านั้น" เพราะความสำเร็จของลูกทีม (Downline) ก็เป็นส่วนหนึ่งของแม่ทีม (Upline) หากไม่เช่นนั้นแล้ว คนที่สนใจอยากได้ความรู้และวิธีการทำงานแต่ไม่เข้าร่วมธุรกิจ ก็จะได้รับเพียง Concept กว้าง ๆ ไม่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง เพราะทำไม่เป็นนั่นเอง

ด้วยความเคารพต่อบุคคลทั้งสองกลุ่ม ผมคงต้องขออนุญาตไม่ฟันธงว่าใครเจ๋งกว่ากัน เพื่อน ๆ คงตัดสินได้เอง แต่หากมี Super Hero เกิดขึ้นมาอีกกลุ่ม เป็นกลุ่มที่มีความรู้ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน รู้จักวิธีการใช้เครื่องมือไฮเทคเหมือนกัน มีวัตถุประสงค์ที่จะสร้างนักธุรกิจเครือข่ายที่ประสบความสำเร็จเหมือนกัน แต่ไม่จำเป็นต้องเข้ามาทำธุรกิจตัวเดียวกัน เพียงนำความรู้ที่ได้ไปใช้และพัฒนาทีมงานในธุรกิจของตัวเอง เพื่อน ๆ พร้อมและอยากที่จะเรียนรู้จาก Super Hero กลุ่มนี้ไหม ถ้าคิดว่าพร้อมและอยากเรียนรู้ นี่คือ ประตูสู่การเรียนรู้การทำธุรกิจออนไลน์

แด่ความสำเร็จของเพื่อน ๆ
Mr.Supawat