วันอังคารที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

หนทางสู่ความสำเร็จในธุรกิจเครือข่ายออนไลน์

ก่อนที่เราจะมาเรียนรู้ถึง หนทางที่จะนำพาไปสู่ความสำเร็จใน ธุรกิจเครือข่ายออนไลน์ ขออธิบายถึงความหมายของ ธุรกิจออนไลน์ ซักเล็กน้อย ความจริงแล้วความหมายของ ธุรกิจออนไลน์ ก็คือ ธุรกิจใด ๆ ก็ตามที่อาศัยช่องทางอินเตอร์เน็ต เพื่อขยายฐานลูกค้า กระทำการสิ่งใดก็ตาม จนทำให้ลูกค้าเกิดการตัิดสินใจซื้อสินค้า/บริการ จากเจ้าของธุรกิจ รูปแบบของ ธุรกิจออนไลน์ ที่นิยมทำกันมีดังนี้
  • E-Commerce เป็นการนำเอาธุรกิจในโลกความเป็นจริง มาสู่โลกอินเตอร์เน็ต เพื่อเป็นการเิพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายอีกช่องทางหนึ่ง เจ้าของธุรกิจต้องมีสินค้า/บริการ เป็นของตนเอง และต้องดำเนินการจนกระบวนการซื้อขายเสร็จสิ้นสมบูรณ์ เช่น การจัดส่ง การเรียกเก็บเงิน การบริการหลังการขาย เป็นต้น ร้านค้าออนไลน์ ก็ถือเป็นอีกตัวอย่างของ E-Commerce
  • ตัวแทนขาย หรือเรียกกันว่า Affiliate Program คือ การเป็นตัวแทน นายหน้า เพื่อทำการนำเสนอสินค้า/บริการ แทนเจ้าของ ให้กระจายขยายวงกว้างออกไป ผู้ทำธุรกิจ Affiliate ไม่จำเป็นต้องมีสินค้า/บริการเป็นของตนเอง รับผลตอบแทนในรูปของคอมมิชชั่น ตัวอย่างได้แก่ Amazon.com
  • ธุรกิจเครือข่ายออนไลน์ เป็นการนำเอาธุรกิจ MLM ธุรกิจขายตรง ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีรูปแบบการสร้างเครือข่ายผู้บริโภค สร้างองค์กร สร้างฐานลูกค้า มาทำการตลาดในรูปแบบออนไลน์ มีการแนะนำธุรกิจ การอบรม ประชุม สัมนา ผ่านระบบ Conference
ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่า ธุรกิจเครือข่ายออนไลน์ เป็นเพียงหนึ่งในหลายรูปแบบของ ธุรกิจออนไลน์ ไม่ใช่เป็นทั้งหมด หรือเป็นสิ่งเดียวกันอย่างที่หลายคนเข้าใจ

การทำ ธุรกิจเครือข่ายออนไลน์ เป็นการทำธุรกิจกับคนแปลกหน้า ดังนั้นถ้าต้องการประสบความสำเร็จ สิ่งที่จำเป็นต้องมี ต้องสร้างและพัฒนา ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ
  1. Self เป็นการสร้างตัวตนของเราให้เกิดขึ้นในโลกออนไลน์ พัฒนาตนเอง จนทำให้ผู้มุ่งหวังมองเห็นว่า เราเป็นผู้นำที่จะคอยแนะนำ ถ่ายทอดวิธีการ ความรู้ ช่วยแก้ปัญหา จนทำให้เขาเหล่านั้น ประสบความสำเร็จ
  2. Site คือ ช่องทางที่จะแสดงตัวตนของเราบนโลกออนไลน์ ทำให้เราและผู้มุ่งหวัง ได้มาพบเจอกัน ได้แก่ เว็บไซด์ (Web Site) หรือ บล็อก (Blog)
  3. System คือ ระบบที่จะทำงานแทนเรา เป็นระบบที่ทำงานตลอด 24 ช.ม. ทำหน้าที่ ค้นหา ดึงดูด และคัดกรองผู้มุ่งหวัง จนนำพาผู้มุ่งหวังมาพบกับเรา สร้างความสัมพันธ์ ความประทับใจ ความไว้ใจ ความเชื่อมั่นและศรัทธา โดยการให้ความรู้ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์ จนผู้มุ่งหวังเลือกเรา ตัดสินใจเรียนรู้และขอคำแนะนำของเรา จนนำไปสู่การเข้าร่วมทำธุรกิจกับเรา นั่นเอง
ทั้ง 3 ส่วนนี้ ผมขอเรียกมันว่า 3S ฟังดูแล้วเหมือนว่ามันจะยุ่งยากพอสมควรเลยใช่ไหมครับ จริง ๆ แล้วมันไม่ได้ยุ่งยากอะไรเลย เพียงท่านเรียนรู้กลยุทธที่ผมเรียกว่า Hi-Tech & Hi-Touch เป็นการผสมผสานในเรื่องของเทคโนโลยีและศิลปะการสัมผัสใจคน หล่อหลอมทั้งสองสิ่งให้เป็นหนึ่งเดียว มาสร้างเป็นแรงดึงดูดให้กับตัวเรา สร้างเป็นระบบดึงดูดอัตโนมัติที่จะทำงานแทนเราได้ ในทั่วทุกมุมโลก และทุกเสี้ยววินาที

ดังนั้น สิ่งแรกที่เราจะต้องทำในการสร้างระบบดึงดูดอัตโนมัติของตัวเอง คือ เว็บไซด์ เพื่อที่จะใช้แสดงตัวตนของเรา เป็นช่องทางที่จะทำให้ผู้มุ่งหวังได้มาพบเจอเรา เชื่อหรือไม่ว่า ท่านก็สามารถสร้างเว็บไซด์ได้ด้วยตัวเอง ที่สำคัญ เว็บไซด์ที่สร้างขึ้นสามารถใช้งานได้จริงและสวยงาม ไม่แพ้เว็บไซด์ที่สร้างจากมืออาชีพเลยผมอยากให้ท่านได้ชมข้อมูลในวีดีโอนี้ก่อนตัดสินใจ กด Play ที่ตัววีดีโอได้เลยครับ





คอร์สวีดีโอ "การสร้างเว็บไซด์ด้วย WordPress" เป็นความรู้ที่ผมและทีมงานยินดีถ่ายทอดให้แก่ท่านฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายแต่ประการใด ท่านสามารถเรียนรู้ได้ทุกที่และตลอดเวลาผ่านระบบออนไลน์ เป็นไงบ้างครับ พร้อมที่จะสร้างเว็บไซด์ด้วยตัวเองกันหรือยัง ถ้าหากพร้อมกันแล้ว ก็กรอกข้อมูลด้านล่างเพื่อรับรหัสเข้าห้องเรียนได้เลย


พรสวรรค์หรือจะสู้พรแสวง
แด่ความสำเร็จของทุกท่าน
Mr.Supawat


วันอาทิตย์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ปัญหาใหญ่ของนักธุรกิจเครือข่าย

เมื่อคุณกระโจนเข้ามาสู่วงการ ธุรกิจเครือข่าย ไม่ว่าจะเป็นค่ายไหน เป็นธุรกิจประเภทใด สิ่งที่จะทำให้ประสบความสำเร็จ คือ คุณต้องสร้างองค์กรให้มีขนาดใหญ่ และองค์กรของคุณยังจะต้องขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ไม่หยุดนิ่ง ไม่ใช่มีแต่จำนวนคน ต้องมีจำนวนคนในองค์กรเพิ่มขึ้นอยู่เสมอ โดยไม่จำเป็นว่าคุณจะต้องเป็นคนหาคนเข้ามาเพิ่มเอง คนในองค์กรเป็นผู้หามาก็ได้ และต้องรักษาคนในองค์กรไม่ให้ไหลออกไป

ด้วยหลักการทำธุรกิจที่ฟังดูเหมือนว่าจะทำได้ง่าย ๆ แต่เอาเข้าจริง มันไม่ง่ายเลย ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจเครือข่ายระดับไหน มือเก่าหรือมือใหม่ มีตำแหน่งสูงเพียงใด ปัญหาที่จะต้องพบเจอเหมือนกันในการทำธุรกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มีเพียง 2 ข้อ คือ
  1. ขาดแคลนผู้มุ่งหวัง
  2. ไม่สามารถรักษาขนาดขององค์กรได้
การขาดแคลนผู้มุ่งหวัง ที่จะซักชวนเข้ามาร่วมทำ ธุรกิจเครือข่าย พูดง่าย ๆ ก็คือ "ไม่รู้จะไปชวนใคร" ถ้าเริ่มแรกคุณไม่รู้จะไปชวนใคร นั่นหมายถึงว่า องค์กรของคุณไม่โต หรือเรียกได้ว่า ในองค์กรของคุณมีคุณเพียงคนเดียว แต่หากคุณสามารถชักชวนคนมาได้บ้าง ไม่ว่าจะด้วยวิธีการเบสิคที่มักจะสอนกัน คือ การลิสต์รายชื่อผู้มุ่งหวัง (ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คนที่เรารู้จักทั้งนั้น) หรือ เป็นคนที่ Upline โยนลงมา อาจเพราะว่าสายงานมันบังคับที่สามารถมีสายงานได้เพียง 2-3 สายงานเท่านั้น คุณก็จะเริ่มไม่โดดเดี่ยว อาจมีรายได้เข้ามาบ้าง แต่คุณต้องมีคนที่คุณชักชวนมาเองด้วยนะ เพราะสายงานที่ Upline ต่อให้มันจะอยู่ข้างเดียวกันเสมอ ถ้าคุณชวนใครไม่ได้เลย ต่อให้ Upline โยนคนลงมามากแค่ไหน องค์กรของคุณก็จะโตข้างเดียว ไม่อาจทำให้คุณมีรายได้แต่ประการใด

การไม่สามารถรักษาขนาดขององค์กรได้ หากคุณชักชวนใครเข้ามาทำ ธุรกิจเครือข่าย กับคุณไม่ได้เลย ปัญหานี้ไม่ต้องพูดถึงเลย เพราะคุณจบชีวิตนักธุรกิจเครือข่ายตั้งแต่เจอปัญหาแรกไปแล้ว แต่ถ้าคุณชักชวนมาได้บ้าง และต้องมากกว่าหนึ่งคน เพื่อวางให้อยู่ในสายงานคนละข้าง อันเป็นการเข้าหลักเกณฑ์ในการรับค่าตอบแทน แต่ถ้า Downline ของคุณชวนใครไม่ได้อีกหละ หรือว่าคนนึงทำได้ แต่อีกคนทำไม่ได้ ก็เกิดการโตข้างเดียวขององค์กรอีกนั่นแหละ

การรักษาขนาดขององค์กร คือ องค์กรของคุณต้องมีจำนวนคนเข้ามากกว่าคนออก ที่สำคัญคุณต้องมีคนที่คุณชักชวนมาเองด้วยอย่างน้อย 2 คน แล้ววางให้อยู่คนละสายงานกัน เพราะถ้ามีคนเดียว แล้ว Upline ไม่โยนคนลงมา ก็จบ เมื่อคุณมีคนที่ชักชวนมาได้เองตามที่บอกไปแล้ว ทีนี้ก็ทำงานกันต่อ คุณก็ต้องชักชวนคนอื่นต่อ Downline ก็ต้องไปชักชวนคนอื่นต่อ หากมีคนเข้ามาเพิ่มเรื่อย ๆ องค์กรก็โตขึ้น แต่หาก Downline คนไหน ชวนคนเข้ามาไม่ได้ เค้าก็จะออกไปจากธุรกิจ เหลือแต่ชื่อไว้ให้คุณดูเวลาคุณเข้าไปดูผังในองค์กร แสดงว่าองค์กรของคุณมีขนาดเล็กลง

การที่องค์กรจะโตได้ ไม่ได้เกิดขึ้นจากคน ๆ เดียว ไม่ว่าคุณจะเก่งคนเดียว Downline ที่คุณชักชวนมาเก่งคนเดียว หรือ Downline ที่ Upline เอามาต่อให้เก่งคนเดียว แต่ต้องเกิดจากหลาย ๆ คน ถ้าโชคดีมีคนเก่งอยู่ทั้ง 2 ข้าง คุณอาจจะยืนอยู่ในธุรกิจได้ แต่ใครหละจะเป็นผู้โชคดี แล้วคุณเข้ามาทำ ธุรกิจเครือข่าย เพื่อรอโชคอย่างนั้นเหรอ

การแก้ปัญหา การขาดแคลนผู้มุ่งหวัง และ การรักษาขนาดองค์กร คุณจะต้องหาโค้ช ที่จะแนะนำคุณได้ว่า ทำอย่างไร วิธีไหน ที่จะทำให้คุณมีรายชื่อผู้มุ่งหวังเพิ่มขึ้น เปลี่ยนผู้มุ่งหวังให้มาเป็นคนในองค์กร และคุณก็จะต้องถ่ายทอดวิธีการที่คุณได้เรียนรู้มาให้แก่คนในองค์กร ให้คนเหล่านั้นทำได้เหมือนคุณ เพื่อที่จะทำให้องค์กรของคุณเติบโต ประสบความสำเร็จใน ธุรกิจเครือข่าย ร่วมกัน

หากคุณได้รับคำแนะนำจากใครก็ตามที่คุณคิดว่าจะมาเป็นโค้ชให้แก่คุณ แล้วคำแนะนำที่คุณได้ก็คือ การลิสต์รายชื่อผู้มุ่งหวัง การลงโฆษณา ในรูปแบบการทำงานแบบ Offline หรือได้รับคำแนะนำให้ส่งเมล์ โพสต์เว็บบอร์ด ลงโฆษณาในเว็บไซด์ต่าง ๆ ในรูปแบบการทำงานแบบ Online เพื่อที่จะนำพาผู้มุ่งหวังเหล่านั้นเข้าฟังการบรรยายเพื่อกระตุ้นให้ตัดสินใจเข้าร่วมทำธุรกิจกับคุณ ผมบอกได้เลยว่าโอกาสสำเร็จมีน้อยเต็มที เพราะอะไรเหรอครับ ถ้าหากคุณลิสต์รายชื่อผู้มุ่งหวังได้มากมาย คุณทำไปแล้ว การลงโฆษณาก็มีค่าใช้จ่ายสูง คุณมีเงินทุนมากพอหรือเปล่า การส่งเมล์ ถึงผู้รับไหมและเขาสนใจหรือไม่ โพสต์เว็บและลงโฆษณาในเว็บไซด์ มีใครเข้ามาดูไหม

หากคุณได้อ่านบทความของผมมาอย่างต่อเนื่อง(ถ้ายังไม่ได้อ่าน ควรกลับไปอ่านก่อนนะครับ) คุณจะเข้าใจว่า การทำธุรกิจเครือข่ายให้ประสบความสำเร็จ คุณต้องเข้าใจความต้องการของคน ต้องเลือกผู้คนที่สนใจ ต้องรู้ว่าผู้คนเหล่านั้นอยู่ที่ไหน ทำอย่างไรให้คนเหล่านั้นสนใจคุณ ตัดสินใจที่จะเข้ามาทำธุรกิจกับคุณ และต้องเลือกวิธีที่คุณและคนในองค์กรจะใช้ทำงาน ให้เหมาะสมกับแต่ละคน

ทั้งหมดที่ผมได้เรียนรู้มา ผมเริ่มต้นมาจาก "คัมภีร์แรงดึงดูด" หากคุณพร้อมและต้องการจะเรียนรู้ เพื่อความสำเร็จของตัวคุณเอง คุณก็สามารถเริ่มต้นได้เหมือนผม แล้วจะมัวรอช้าอยู่ทำไม ในเมื่อคุณสามารถเรียนรู้ได้แบบฟรี ๆ ได้ ที่นี่

แด่ความสำเร็จของทุกท่าน
Mr.Supawat

วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Offline-Online แบบไหนเหมาะกับใครใน ธุรกิจเครือข่าย

รูปแบบการทำงานของ ธุรกิจเครือข่าย ที่ทำกันในปัจจุบัน คงจะหนีไม่พ้นการทำงานแบบ Offline และ Online ยังมีนักธุรกิจเครือข่ายรวมถึงผู้ที่สนใจในธุรกิจเครือข่ายอีกจำนวนมากที่คิดว่า การทำงานแบบ Offline น่าจะเหมาะสมกับคนทั่วไป ส่วนการทำงานแบบ Online ฟังจากชื่อมันแล้วมันคงต้องเกี่ยวกับ Computer หรือ Internet แน่ ๆ ซึ่งน่าจะเหมาะสมกับผู้ที่มีความรู้หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับงาน Computer และ Internet อันนี้ผมขอบอกว่าก็มีส่วนถูกครับ เพราะว่าคนที่จะทำงานแบบ Online อย่างน้อยก็ต้องมีพื้นฐานเปิดคอมได้ ต่อเน็ตเป็น

แต่การที่คนเข้าร่วมใน ธุรกิจเครือข่าย เกิดจากความต้องการที่จะประสบความสำเร็จ ทั้งในเรื่องของการเงินและเวลา ตามที่ผมได้เคยเสนอไปแล้วในบทความเรื่อง "ทำไม ผู้คนถึงทำธุรกิจเครือข่าย" ดังนั้น บทความนี้ผมจะนำเสนอให้ตรงประเด็นว่า การทำงานแบบ Offline-Online แบบไหนเหมาะกับใคร

การทำงานแบบ Offline จะใช้รูปแบบการชักชวนผู้มุ่งหวัง เข้าร่วมกิจกรรม เข้าฟังการบรรยายเกี่ยวกับธุรกิจ รวมไปถึงเข้าร่วมงานที่จัดขึ้นในโอกาสพิเศษ เป็นประจำเดือน ประจำไตรมาส ประจำปี ซึ่งวิธีการหาผู้มุ่งหวังที่ได้รับการถ่ายทอดกันมา จะเน้นจากคนใกล้ตัว ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง คนรู้จัก ดังนั้น นักธุรกิจเครือข่าย ที่มีโอกาสที่จะประสบความเร็จในเวลาอันสั้นจากการทำงานแบบ Offline จะต้องเป็นกว้างขวางในสังคม มีคนรู้จักมากมาย มีฐานะทางสังคมสูง มีความเป็นผู้นำ เคยประสบความสำเร็จมาแล้ว เป็นที่เชื่อถือของผู้คน และอื่น ๆ อีกมากมายที่ทำให้ นักธุรกิจเครือข่าย ผู้นั้น ดูเหนือกว่านักธุรกิจเครือข่ายทั่วไป ท่านว่าจริงไหมครับ ลองดูจากการเข้าร่วมกิจกรรมกับบริษัทที่ท่านทำหรือสนใจอยู่ก็ได้ นักธุรกิจเครือข่ายระดับสูงส่วนใหญ่ จะเป็นคนที่มีชื่อเสียง เคยประสบความสำเร็จมาจากบริษัทอื่นมาแล้ว มีฐานองค์กรอยู่แล้ว หรือไม่ก็เป็นคนที่มีความรู้จบการศึกษาสูง ๆ ไม่ว่าจะเป็น วิศวกร หมอ พยาบาล เกสัชกร หรือทำธุรกิจส่วนตัวระดับเงินล้าน ตรงกับลักษณะที่ผมกล่าวมาแล้วไหมครับ แต่ก็ยังมีบางส่วน(น้อย ๆ ขอย้ำ น้อยจริง ๆ) ที่เป็นคนธรรมดาสามัญแล้วประสบความสำเร็จ อันนี้ต้องขอปรบมือให้ดัง ๆ กับความพยายาม อึด ถึก ทน ของท่านจริง ๆ

มาดูรูปแบบการทำงานแบบ Online กันบ้าง การทำงานแบบ Online เป็นการย้ายสถานที่ในการบรรยาย การจัดประชุมต่าง ๆ จากโลกจริง ๆ มาสู่โลกอินเตอร์เน็ต ซึ่งสามารถแก้ปัญหาในเรื่องของระยะทางได้เป็นอย่างดี ยกตัวอย่างเช่น คุณอยู่กรุงเทพฯ แต่ผู้มุ่งหวังของคุณอยู่เชียงราย แน่นอนว่าการจัดการบรรยาย หรือการประชุมใด ๆ สถานที่คงไม่พ้นกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของทุกอย่าง โอกาสที่คุณจะเชิญผู้มุ่งหวังเข้าร่วมงานคงเป็นไปได้ยาก ต่อให้มีการบรรยายที่เชียงรายก็เถอะ ถ้ามีผู้มุ่งหวังจำนวนน้อย คุณจะไปพบพวกเขาเพื่อพาเข้าร่วมงานหรือเปล่า มันคุ้มกับเวลาและเงินที่เสียไปไหม อย่างมากก็ทำได้เพียงแค่โทรไปบอกว่าจะมีงานที่นั่นเท่านั้นเอง

เท่านั้นยังไม่พอ การทำงานแบบ Online ยังสามารถแก้ปัญหาในเรื่องของเวลาได้อีกด้วย เป็นยังไงเหรอครับ ไปดูกัน แม่ทีมที่มีการทำงานแบบ Online ส่วนใหญ่หรือเรียกว่าทั้งหมดเลยก็ว่าได้ จะมีเว็บไซด์เป็นของตัวเอง และแบ่งปันให้ลูกทีมได้ใช้ด้วย ซึ่งจะมีชื่อหรือรหัสที่งอกออกมาจากชื่อเว็บของแม่ทีม ลักษณะนี้ในทาง Internet เรียกเว็บแม่ทีมว่า Domain Name เรียกเว็บลูกทีมว่า Subdomain ตัวอย่างเช่น เว็บแม่ทีมคือ www.abc.com เว็บลูกทีมจะมีลักษณะเป็น www.ชื่อที่คุณตั้ง.abc.com หรือ www.abc.com/?id=...... เป็นต้น การที่ลูกทีมจะได้มากซึ่ง Subdomain แม่ทีมอาจให้ฟรีหรือเรียกเก็บค่าใช้จ่ายบ้างก็ได้ (แต่ผมขอบอกว่า Subdomain เป็นสิ่งที่เจ้าของเว็บได้มาฟรี) เว็บไซด์นี่เองที่จะเป็นช่องทางในการนำเสนอ เผยแพร่ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจแทนเราได้ตลอด 24 ชม.

แล้วผู้มุ่งหวังสำหรับการทำงานแบบ Online เบื้องต้นคงหนีไม่พ้นคนใกล้ตัวเช่นกัน แต่สำหรับโลก Internet แล้ว ค่าใช้จ่ายในการโฆษณาจะต่ำกว่าโลกจริง ๆ มากทีเดียว ดังนั้น การจะได้มาซึ่งผู้มุ่งหวังก็จะได้มาจากการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ อีกทั้งยังมีโปรแกรมเมอร์หัวใส คิดต้นประดิษฐ์โปรแกรมในการดูดอีเมล์ออกมา เพื่อให้ได้มาซึ่งรายชื่อสำหรับทำการส่งอีเมล์แนะนำธุรกิจต่อไป เราเรียกวิธีการนี้ว่า Spam mail (อันนี้ไม่ต้องตกใจไป โปรแกรมมีเงื่อนไขในการทำงานไม่สามารถดูดทุกอีเมล์ในโลก เอาไว้มีโอกาสผมจะนำเสนอต่อไป) ซึ่งจริง ๆ แล้ว วิธีนี้ผิดกฎหมาย มีโทษปรับถึงสองแสนบาท ผมจึงไม่สนับสนุน

Computer ถือได้ว่าเ็ป็นสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างหนึ่ง สมัยนี้โปรแกรมต่าง ๆ ถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่าย ไม่ซับซ้อน เดี๋ยวนี้เด็กประถมยังใช้งานเป็นเลย ถ้าการใช้งานวุ่นวายยุ่งยากมาก ก็คงไม่ได้รับความนิยมอย่างทุกวันนี้ การใช้โปรแกรมต่าง ๆ เปรียบไปก็เหมือนการปรุงอาหาร คนหลายคนปรุงอาหารชนิดเดียวกับ รสชาติย่อมแตกต่างกัน ไม่รวมถึงความอร่อยหรือไม่อร่อย แต่ถ้าทำมาม่ากิน ผมว่ารสชาติคงเหมือนกันเป๊ะ เพราะมันเป็นกึ่งสำเร็จรูป ใครก็ทำได้

มาถึงตรงนี้ ผมว่าทุกท่านคงมองออกแล้วว่า การทำธุรกิจเครือข่าย แบบ Offline-Online แบบไหนจะเหมาะสมกับใคร แต่การทำุธุรกิจเครือข่ายให้ประสบความสำเร็จ ไม่เพียงแค่ต้องเลือกวิธีการทำงานให้เหมาะสมเท่านั้น จะต้องรู้จักแก้ปัญหาด้วย ซึ่งปัญหาใหญ่ที่ทำให้คนไม่ประสบความสำเร็จ มีเพียง 2 ข้อก็คือ ขาดแคลนผู้มุ่งหวัง และไม่สามารถรักษาคนในองค์กรให้อยู่ในธุรกิจได้ บทความหน้าผมจะนำเสนอต่อไป

สำหรับท่านที่มีความประสงค์ ต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับการทำงานบนโลกออนไลน์แบบเจาะลึกลงไปอีก เพื่อพัฒนาศักยภาพของตัวท่านเอง ซึ่งความรู้นี้สามารถใช้ได้กับทุกธุรกิจบนโลกออนไลน์ สามารถศึกษาเครื่องมือการทำงาน และวิธีการใช้เครื่องมือต่าง ๆ โดย ที่นี่ ไม่มีค่าใช้จ่าย


แด่ความสำเร็จของคุณ
Mr.Supawat

วันพุธที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ธุรกิจเครือข่าย ทำให้เป็น ต้องรู้จักเลือกตลาด

สวัสดีครับ พบกันอีกแล้วกับผม Mr.Supawat ในการทำ ธุรกิจเครือข่าย อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่า การสร้างจุดขาย ก็คือ การเลือกตลาด หากเรามองตลาดออก เลือกตลาดอย่างถูกต้อง โอกาสที่เราจะประสบความสำเร็จใน ธุรกิจเครือข่าย ก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอะไร แถมเรายังไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยกับการทำธุรกิจอีกด้วย

ธุรกิจเครือข่าย เป็นธุรกิจที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แตกต่างจากธุรกิจอื่น ๆ ทั่วไป ตรงที่สถานะของเราที่มีต่อเจ้าของธุรกิจ ในธุรกิจทั่วไปหากเราบริโภคสินค้าหรือบริการ สถานะของเราก็คือ ลูกค้า แน่นอนว่าสาเหตุที่เราเลือกบริโภคเพราะว่าความต้องการซื้อ (Supply) ในตัวสินค้า/บริการ แต่สำหรับ ธุรกิจเครือข่าย แล้ว หากเราต้องการบริโภคผลิตภัณฑ์ เราจำเป็นต้องเป็นสมาชิกก่อน ซึ่งจุดขายของบริษัทเครือข่าย คือ เปิดโอกาสให้สมาชิกสามารถดำเนินธุรกิจได้ สถานะของเราจึงเป็น นักธุรกิจเครือข่าย แต่เราก็สามารถเลือกได้ว่าจะทำหรือไม่ทำธุรกิจ จากบทความเรื่อง "ทำไม ผู้คนถึงทำ ธุรกิจเครือข่าย" ที่ผมเคยนำเสนอไปแล้วนั้น จะเห็นว่า สาเหตุที่ผู้คนเข้าร่วมธุรกิจเครือข่ายโดยส่วนใหญ่ เป็นเพราะต้องการตัวธุรกิจเพื่อตอบสนองความต้องการในเรื่องของรายได้เป็นหลัก เห็นหรือยังครับว่า ตลาดของธุรกิจเครือข่าย ก็คือคนที่ต้องการรายได้ แต่อันนี้ยังเป็นภาพกว้าง ๆ

หากท่านคิดว่า เรื่องพื้น ๆ อย่างนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า การทำธุรกิจเครือข่าย ต้องเลือกตลาดผู้ต้องการรายได้ ขอแสดงความยินดีด้วยครับ คุณเข้าใจหลักการในการทำธุรกิจเครือข่ายแล้ว แต่ประเด็นของบทความนี้ ไม่ใช่แค่ภาพรวมกว้าง ๆ เท่านั้น ผมจะตีกรอบให้แคบลง เพื่อให้ท่านได้เห็นตลาดที่เหมาะสม

โลกทุกวันนี้ไม่ใช่มีเพียง โลกใบกลม ๆ สีน้ำเงิน แกนเอียง ๆ หมุนรอบตัวเอง หมุนรอบดวงอาทิตย์ ที่เราอาศัยอยู่อีกต่อไป ยังมีอีกโลกหนึ่งคือ โลกอินเตอร์เน็ต ซึ่งนับวันจำนวนผู้คนในโลกอินเตอร์เน็ตยิ่งเพิ่มมาขึ้น ตลาดจึงมีอยู่ 2 ตลาดด้วยกันคือ ตลาดสำหรับมนุษย์ทุกคนบนโลก ที่เรียกว่า "ตลาด Offline" กับอีกตลาดเฉพาะผู้ที่อยู่บนโลกอินเตอร์เน็ต เรียกว่า "ตลาด Online" คนที่ต้องการรายได้ ต้องการร่ำรวย ที่เราหวังจะชักชวนทำธุรกิจ(ต่อไปนี้จะเรียกว่า ผู้มุ่งหวัง) ก็มีอยู่ทั้ง 2 โลก ยังกว้างอยู่ใช่ไหมครับ เรามาช่วยกันคิดตามนะครับจะได้แคบลง

คุณคิดว่าการหาผู้มุ่งหวังจาก ตลาด Offline กับ ตลาด Online อันไหนง่ายกว่ากัน คงจะมีคำตอบกันในใจกันแล้ว ผมมั่นใจว่าต้องมีหลากหลายคำตอบด้วย ไม่ว่าจะเป็น "Offline ง่ายกว่า" หรือ "Online ง่ายกว่า" หรือ "ง่ายทั้งคู่" หรือ "ยากทั้งคู่" หรือแม้กระทั่ง "ไม่รู้สิ" ถ้ามองในแง่ปริมาณ คนบนโลกอินเตอร์เน็ตเป็นเพียงคนส่วนหนึ่งบนโลกมนุษย์ ดังนั้น ตลาด Offline ดูน่าจะง่ายกว่าใช่ไหมครับ สำหรับผมคำตอบคือ "ไม่ใช่ครับ ตลาด Online ง่ายกว่า" ทำไมผมถึงคิดอย่างนี้ เพราะว่า ในโลกความเป็นจริง ผู้คนจะเก็บความต้องการ เก็บความรู้สึกนึกคิดไว้ในใจ ไม่ได้แสดงออกมาอย่างชัดเจนว่า "อยากรวย" ทั้ง ๆที่ต้องการ ไม่ได้บ่งบอกว่ารู้จักธุรกิจเครือข่ายหรือไม่ สนใจธุรกิจเครือข่ายหรือไม่ แต่สำหรับโลกอินเตอร์เน็ต ที่อุดมไปด้วยข้อมูล ข่าวสาร พฤติกรรมของผู้คนจะแตกต่างออกไป แสดงออกมาชัดเจนว่าสนใจอะไร ต้องการอะไร หาอะไรอยู่ พิสูจน์ได้จากอะไรเหรอครับ ก็จากการที่คุณกำลังอ่านบทความนี้อยู่ หัวข้อก็บ่งบอกให้รู้อยู่แล้วว่าเกี่ยวกับ ธุรกิจเครือข่าย แสดงว่าคุณกำลังสนใจหรือต้องการทราบข้อมูล นั่นก็ส่วนหนึ่ง ส่วนที่สำคัญก็คือ คงไม่มีใครที่ใช้อินเตอร์เน็ตแล้วไม่รู้จัก Google พระเอกตัวจริงของโลกอินเตอร์เน็ต หาอะไรก็เจอ ผู้คนที่ใช้ Google เป็นเพราะต้องการค้นหาข้อมูลข่าวสาร ที่นี่เองที่จะทำให้เราได้ตลาดที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย นำพามาซึ่งผู้มุ่งหวังนั่นเอง

การเลือกตลาดในการทำ ธุรกิจเครือข่าย ไม่ว่าจะเลือกตลาดไหน จะเลือกทำตลาดเดียว หรือทำทั้ง 2 ตลาด ก็ไม่ใช่เรื่องที่ถูกทั้งหมดหรือผิดทั้งหมด ขึ้นอยู่กับสถานะและความเหมาะสมของแต่ละคนด้วย เอาไว้บทความหน้าผมจะให้ข้อมูลว่าตลาดไหนเหมาะสมกับใคร

ท่านสามารถเริ่มต้นเรียนรู้วิธีการทำงานออนไลน์ ได้โดยเริ่มต้นเรียนรู้จาก "การทำเว็บไซต์ด้วยตัวเอง" คอร์สนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ สอนครับ ถ่ายทอดให้ฟรี ๆ ลงทะเบียนได้ที่กล่องด้านล่างนี้เลยครับ

แด่ความสำเร็จของท่าน
Mr.Supawat