วันเสาร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ผู้รู้เคล็ดลับการทำธุรกิจเครือข่าย ปะทะ สุดยอดนักธุรกิจเครือข่ายออนไลน์

เพื่อน ๆ อาจเคยค้นหาข้อมูลใน Google จนได้เข้าไปพบเจอกับ ผู้รู้เคล็ดลับการทำธุรกิจเครือข่าย หรือ สุดยอดนักธุรกิจเครือข่ายออนไลน์ กันไปบ้างแล้ว แล้ว Super Hero ในวงการธุรกิจเครือข่ายทั้งสองกลุ่ม เหมือนกันหรือแตกต่างกันอย่างไร บทความนี้เราจะได้รู้กัน

ตามจริงแล้ว Super Hero ทั้งสองกลุ่มนี้มีสิ่งที่เหมือนกันอยู่ 2 อย่างคือ มีความรู้เรื่องการตลาดดึงดูด (Attraction Marketing) และ มีความรู้ในเรื่องการใช้เครื่องมือในการทำการตลาดออนไลน์ ส่วนที่แตกต่างกันมีเพียงนามสมมุติที่ใช้เรียกตัวเองเท่านั้น แล้วใครจะเจ๋งกว่ากัน เราไปดูกันต่อ

ขอเปรียบเทียบบุคคล 2 กลุ่มนี้กับตัวละครเกี่ยวกับ Super Hero ที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดีก็แล้วกัน ให้กลุ่มแรกเป็น BATMAN อีกกลุ่มเป็น IRON MAN ทั้งสองเป็นเศรษฐีเหมือนกัน มีเครื่องไม้เครื่องมือไฮเทคเหมือนกัน สุดท้ายมีวัตถุประสงค์เดียวกัน เรียกว่ามีเจตนารมย์เดียว คือ กำจัดคนพาล อภิบาลคนดี

นักธุรกิจเครือข่ายทั้งสองกลุ่ม ก็เช่นกัน เป็นเศรษฐีความรู้เหมือนกัน รู้จักใช้เครื่องมือโฮเทคมาทำการตลาดออนไลน์เหมือนกัน แถมยังมีวัตถุประสงค์เดียวกัน คือ สร้างนักธุรกิจเครือข่ายให้ประสบความสำเร็จ แต่การจะสร้างใครให้ประสบความสำเร็จของเขานั้น สิ่งที่จำเป็นอย่างแรกคือ "ต้องร่วมธุรกิจกับเขาเท่านั้น" เพราะความสำเร็จของลูกทีม (Downline) ก็เป็นส่วนหนึ่งของแม่ทีม (Upline) หากไม่เช่นนั้นแล้ว คนที่สนใจอยากได้ความรู้และวิธีการทำงานแต่ไม่เข้าร่วมธุรกิจ ก็จะได้รับเพียง Concept กว้าง ๆ ไม่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง เพราะทำไม่เป็นนั่นเอง

ด้วยความเคารพต่อบุคคลทั้งสองกลุ่ม ผมคงต้องขออนุญาตไม่ฟันธงว่าใครเจ๋งกว่ากัน เพื่อน ๆ คงตัดสินได้เอง แต่หากมี Super Hero เกิดขึ้นมาอีกกลุ่ม เป็นกลุ่มที่มีความรู้ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน รู้จักวิธีการใช้เครื่องมือไฮเทคเหมือนกัน มีวัตถุประสงค์ที่จะสร้างนักธุรกิจเครือข่ายที่ประสบความสำเร็จเหมือนกัน แต่ไม่จำเป็นต้องเข้ามาทำธุรกิจตัวเดียวกัน เพียงนำความรู้ที่ได้ไปใช้และพัฒนาทีมงานในธุรกิจของตัวเอง เพื่อน ๆ พร้อมและอยากที่จะเรียนรู้จาก Super Hero กลุ่มนี้ไหม ถ้าคิดว่าพร้อมและอยากเรียนรู้ นี่คือ ประตูสู่การเรียนรู้การทำธุรกิจออนไลน์

แด่ความสำเร็จของเพื่อน ๆ
Mr.Supawat

วันอาทิตย์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2553

อยากทำธุรกิจเครือข่ายให้ประสบความสำเร็จ ต้องเปลี่ยนแนวคิด

ในการทำธุรกิจเครือข่ายให้ประสบความสำเร็จนั้น ไม่ไ้ด้เป็นเรื่องที่ง่ายดายเหมือนปลอกกล้วยเข้าปาก แต่ก็ไม่ได้ยากจนเกินความสามารถของคนธรรมดา เพียงแต่นักธุรกิจเครือข่าย จะต้องมีแนวคิดและมีความเข้าใจในหลักการของการทำธุรกิจอย่างถ่องแท้ มีหลาย ๆ แนวคิดที่ได้รับการถ่ายทอดกันมา เรียกได้ว่าเป็นแนวคิดที่บิดเบือนความจริง ทำให้ผู้คนที่เข้ามาทำธุรกิจเกิดความเข้าใจผิด อันเป็นผลให้ล้มเหลวในการทำธุรกิจเครือข่าย เรามาดูกันว่าแนวคิดอะไรบ้างที่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนให้ถูกต้อง และเหตุผลที่ต้องเปลี่ยนเป็นเพราะอะไร

แนวคิดเรื่องแผนการตลาด
อันที่จริงแล้ว ตลาด หมายถึง สถานที่ที่ผู้ซื้อและผู้ขายได้มาเจอกัน เพื่อเจรจาตกลงซื้อ-ขายกัน ส่วนคำว่า การตลาด หมายถึง การกระทำใด ๆ ก็ตามที่สามารถทำให้ผู้ซื้อและผู้ขายได้มาพบกัน ดังนั้น แผนการตลาด จึงหมายถึง แผนดำเนินการที่ได้กำหนดไว้เพื่อนำไปปฏิบัติ เพื่อก่อให้เกิดผลลัพธ์ คือ การได้พบเจอกันของผู้ซื้อและผู้ขาย

มีนักธุรกิจเครือข่ายหลายท่านเรียก แผนรายได้ หรือ แผนการจ่ายผลตอบแทน ว่าเป็น แผนการตลาด อันนี้ไม่ถูกต้อง เพราะแผนรายได้ หรือ แผนการจ่ายผลตอบแทน ของทุก ๆ บริษัท ไม่ได้มีส่วนไหนเลยที่กล่าวถึงเรื่องการทำให้ผู้ซื้อ-ผู้ขายได้มาพบเจอกัน ซึ่งก็คือ การตลาด แต่จะเป็นเรื่องของการจ่ายผลตอบแทนให้กับนักธุรกิจเครือข่าย เมื่อสามารถทำผลงานเข้าหลักเกณฑ์ ที่จริงแล้วแผนรายได้/แผนการจ่ายผลตอบแทน เป็นเพียงส่วนหนึ่งเพื่อกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจเข้าร่วมทำธุรกิจ ดังนั้น แผนรายได้/แผนการจ่ายผลตอบแทน จึงไม่ใช่ แผนการตลาด

ทำธุรกิจเครือข่ายไม่ต้องขายของ
นักธุรกิจเครือข่ายเกือบแทบทุกบริษัท มักจะบอกว่า บริษัทของเขาไม่เน้นเรื่องการขาย แต่ร้อยทั้งร้อย จะต้องมี
"กำไรจากการขายปลีก" อยู่ในแผนรายได้/แผนการจ่ายผลตอบแทน เป็นข้อแรก ที่จริงแล้วตัวบริษัทประเภทธุรกิจเครือข่ายเอง ก็ไม่ได้เน้นในเรื่องของการขายปลีก เพราะผู้ซื้อปลีกถือว่าเป็นลูกค้าจร จะซื้อเมื่อไหร่ก็ได้ บริษัทฯไม่สามารถควบคุมความถี่ในเรื่องของการซื้อได้ ดังนัึ้นบริษัทฯจึงเน้นการหาสมาชิก ในการเป็นสมาชิกก็มีอยู่หลายระดับ ตั้งแต่ ระดับผู้บริโภค ไปจนถึงนักธุรกิจระดับกลางและระดับใหญ่ การสมัครเข้ามาเป็นสมาชิกในระดับนักธุรกิจของทุกบริษัท จะมีข้อกำหนดในเรื่องของตัวเงินที่เข้ามาซื้อสินค้า แน่นอนว่าจำนวนเงินที่ต้องใช้ในการเข้าร่วมธุรกิจครั้งแรก จะได้ผลิตภัณฑ์กลับไปมากกว่า 1 ชิ้น แล้วยังมีข้อกำหนดที่จะต้องรักษายอด หรือเรียกว่า ซื้อซ้ำทุกเดือน เพื่อรักษาสิทธิในการได้รับรายได้ตามแผน เห็นไหมครับว่า เกิดการซื้อขึ้นแล้ว และจะมีการซื้อซ้ำเกิดขึ้นตามมาด้วย ทีนี้บริษัทฯก็จะได้ลูกค้าประจำเลยทีเดียว แล้วหน้าที่ของนักธุรกิจเครือข่ายประการแรกก็คือ การหาสมาชิก หรือ การสปอนเซอร์ผู้เข้ามาทำธุรกิจ แล้วจะบอกว่า ทำธุรกิจเครือข่ายไม่ต้องขายของได้อย่างไร ดังนั้น การหาสมาชิก/การสปอนเซอร์ ก็คือ การขาย หนำซ้ำยังเป็นการขายแบบชุดใหญ่ หรือเรียกว่าขายเป็น Lot อีกด้วย

ทำธุรกิจเครือข่าย แค่ซื้อกินซื้อใช้ ก็มีรายได้

ในแผนรายได้ หรือ แผนการจ่ายผลตอบแทนของบางบริษัท มีระบุถึงการจ่ายผลตอบแทน หรือบางทีเรียกว่า โบนัส เมื่อสมาชิกมีคะแนนส่วนตัวในแต่ละเดือนถึงตามที่กำหนด อันนี้ก็ไม่ใช่รายได้ ที่ถูกต้องน่าจะเรียกว่าส่วนลดพิเศษจะเหมาะกว่า เพื่อน ๆ ลองพิจารณาดูตัวอย่างจาก Tesco Lotus ก็ได้ ถ้าใครมี Club Card นั่นหมายความว่าเป็นสมาชิกใช่ไหมครับ ในการซื้อสินค้าจะมีการได้คะแนนสะสมด้วย เมื่อมีคะแนนถึงตามที่กำหนด ก็จะได้คูปองเอาไว้ใช้แทนเงินสด อย่างนี้เรียกว่าเป็น รายได้ หรือเปล่า ถ้าใช่ก็ยุ่งหละ เดียวสรรพากรมาตามเก็บภาษีแน่เลย

แนวคิดทั้งหมดที่ได้กล่าวมาแล้ว เป็นแนวคิดที่ถ่ายทอดกันมารุ่นสู่รุ่น เพื่อน ๆ อาจได้รับการถ่ายทอดจนเชื่อไปตามนั้น หากต้องการทำธุรกิจเครือข่ายให้ประสบความสำเร็จ จำเป็นต้องเปลี่ยนแนวคิดเหล่านี้โดยด่วน แล้วเพื่อน ๆ จะพบว่างานที่จะต้องทำอันดับแรกคือ การหาสมาชิก (สร้างองค์กรของเรา) ซึ่งก็คือ การทำการตลาด นั่นเอง หลังจากนั้นจะต้อง เพิ่มศักยภาพให้แก่สมาชิกในองค์กรของเรา หรือที่เรียกว่า การสร้างผู้นำ

หากเพื่อน ๆ ต้องการประสบความสำเร็จ พร้อมที่จะเปลี่ยนแนวคิด พร้อมที่จะเรียนรู้วิธีการทำการตลาด ผมและทีมงานพร้อมที่จะถ่ายทอดความรู้ รวมถึงการใช้เครื่องมือต่าง ๆ ในการทำการตลาดให้แก่เพื่อน ๆ โดยสามารถเข้าไปศึกษาได้ที่ "GiveAndRich โรงเรียนสอนทำธุรกิจ" หากเพื่อน ๆ ทำธุรกิจเครือข่ายอยู่แล้ว สามารถนำความรู้ที่ได้ไปใช้กับธุรกิจของตัวเอง โดยไม่ต้องย้ายค่าย หรือ ย้ายทีม แต่อย่างใด

แด่ความสำเร็จของเพื่อน ๆ
Mr.Supawat

วันเสาร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2553

วิธีหาผู้มุ่งหวัง วิธีหาลูกค้า ทำได้อย่างไรในโลกออนไลน์

ในการทำธุรกิจออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น E-Commerce , Affiliate หรือ ธุรกิจเครือข่าย สิ่งที่เพื่อน ๆ ต้องการก็คือ ผู้มุ่งหวังหรือกลุ่มเป้าหมาย ที่จะกลายมาเป็นลูกค้า หรือ ดาวน์ไลน์ แล้วเราจะหาผู้มุ่งหวัง หรือ หาลูกค้า ได้อย่างไรในโลกออนไลน์ เราไปดูกันเลยครับ

โลกออนไลน์ เป็นโลกของข้อมูล ไม่ใช่มีเพียงเราที่กำลังหาข้อมูล กลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการก็กำลังหาข้อมูลอยู่เหมือนกัน และเครื่องมือที่ใช้หาข้อมูลที่เจ๋งที่สุดในโลกออนไลน์ตอนนี้ก็คือ Google เพื่อน ๆ ว่าผมพูดถูกไหม พิสูจน์กันได้จากที่เพื่อน ๆ กำลังอ่านบทความนี้ คุณกับผมไม่รู้จักกัน แล้วอะไรที่ทำให้คุณได้มาเจอบล็อกของผม ถ้าไม่ใช่ Google

การที่คนเราจะค้นหาอะไรซักอย่าง แน่นอนว่า เขาคนนั้นต้องมีความสนใจในเรื่องที่ค้นหา นี่ไงหละครับประเด็นสำคัญ เราจะต้องรู้ว่ากลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการเขาใช้คำอะไรสำหรับค้นหาข้อมูล ซึ่งคำนั้นจะต้องเกี่ยวข้องกับสินค้า หรือ ธุรกิจของเรา เราเรียกคำค้นหาว่า Keyword

เพื่อน ๆ จะหา Keyword ที่ตรงกับธุรกิจของตนเองได้ไม่ยาก ใช้ตัวช่วยเพียงไม่กี่ตัว อันดับแรกก็ไปดูว่า Keyword ไหนที่มีคนค้นหามาก ไปดูได้ที่ truehit.net หลังจากนั้นก็เลือก Keyword ที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับธุรกิจของเรา หรือคิดขึ้นมาเองก็ได้ โดยให้คิดเสียว่า ถ้าเป็นตัวเราเองแล้วต้องการค้นหาเรื่องราวที่เกี่ยวกับธุรกิจของเรา เพื่อน ๆ จะใช้คำว่าอะไร หลังจากนั้นก็ไปตรวจสอบกันโดยใช้เครื่องมือดีและฟรีของ Google อีกนั่นแหละ ดูว่าแนวโน้มของ Keyword ที่ได้มามีแนวโน้มเป็นอย่างไร อยู่ในช่วงขาขึ้น หรือขาลง แถมเครื่องมือนี้สามารถเปรียบเทียบ Keyword ได้หลายตัวพร้อมกันด้วย เครื่องมือนี้คือ Google Insight สุดท้ายก็เช็คดูว่าใน Keyword ที่ได้มามีปริมาณคนใช้เป็นคำค้นหามากน้อยเพียงใด และยังจะทำให้เพื่อน ๆ ได้ Keyword ตัวอื่น ๆ ที่ Google จะแนะนำให้อีกด้วย เครื่องมือนี้มีชื่อว่า Google Tool External

ทีนี้เราก็จะรู้แล้วว่ากลุ่มเป้าหมายของเราอยู่ที่ไหน เป็นไงบ้างครับ ไม่ยากเลยใช่ไหม แต่เรื่องยังไม่จบครับ เราจะต้องทำให้เขาเจอเราและทำให้เขาสนใจเราด้วย ทำอย่างไร ใช้วิธีอะไร โอกาสหน้าผมจะมาเล่าให้ฟังอีกที

หากเพื่อน ๆ ต้องการที่จะเรียนรู้ในเรื่อง การทำงานออนไลน์ ผมจะนำพาเพื่อน ๆ ไปสู่สถานที่ที่อุดมไปด้วยความรู้และของฟรี ที่จะสอนให้เพื่อน ๆ ทำงานได้อย่างง่ายขึ้น ประหยัดเงิน และมีโอกาสประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว คลิกที่นี่ ตามผมมาเลยครับ

แด่ความสำเร็จของเพื่อน ๆ
Mr.Supawat

วันอาทิตย์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เว็บไซต์แจกฟรี มีประโยชน์จริงหรือ

ในการทำ ธุรกิจออนไลน์ ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจเครือข่ายออนไลน์ หรือ ร้านค้าออนไลน์ ที่โฆษณาประชาสัมพันธ์ชักชวนให้เพื่อน ๆ เข้าร่วมทำธุรกิจ ชวนเปิดร้านค้า แล้วจะได้รับแจกเว็บไซต์ฟรี เพื่อน ๆ หลายท่าน อาจจะเคยได้ข้อมูล หรือ บางท่านอาจมีเว็บไซต์ฟรีพวกนี้บ้างแล้ว บทความนี้เราจะมาดูกันว่า เว็บไซต์ฟรี เหล่านี้ มีประโยชน์ต่อเพื่อน ๆ จริงหรือไม่

มาทำความเข้าใจพื้นฐานกันก่อน เว็บไซต์ต่าง ๆ ถ้าจะเปรียบไปแล้วก็เหมือนกับ ไฟล์ข้อมูล อันหนึ่ง ซึ่งขออธิบายถึงส่วนประกอบของเว็บไซต์ว่ามีอะไรบ้าง ดังนี้
  1. Domain Name เป็นชื่อของเว็บไซต์ ก็เหมือนกับการที่เราสร้างไฟล์ข้อมูลแล้วต้องการบันทึกเก็บไว้ เราต้องตั้งชื่อไฟล์เสียก่อนในขั้นตอนการบันทึก ในเว็บไซต์จะประกอบไปด้วยหน้าหลายหน้า เราจะเรียกแต่ละหน้าว่า Web page ก็เหมือนกับไฟล์ excel ที่สามารถมีได้หลาย sheet อยู่ในไฟล์เดียว ส่วนหน้าแรกของเว็บไซต์ที่แสดงผลเมื่อมีคนเข้ามาในเว็บ เราจะเรียกมันว่า Home Page
  2. Hosting เป็นสถานที่ไว้เก็บเว็บไซต์ ก็เหมือนกับไฟล์ข้อมูลที่เราต้องการบันทึก เราจะต้องเลือกพื้นที่สำหรับเก็บไฟล์นั้น ไม่ว่าจะเป็นการเก็บไว้ในเครืองคอมฯ เช่น ไดร์ฟ C , ไดร์ฟ D หรือ จะเป็นอุปกรณ์ที่ใช้บันทึก เช่น Flash Drive หรือ แผ่น CD สำหรับพื้นที่สำหรับเก็บเว็บไซต์เราเรียกว่า Server ซึ่งก็เป็นเครืองคอมพิวเตอร์ แต่ต่างจากเครืองคอมฯทั่วไป มีระบบการทำงานที่ซับซ้อนกว่า ต้องเปิดตลอดเวลา มีการดูแลรักษาในระดับสูง รวมทั้งต้องอยู่ในที่ที่เหมาะสมในเรื่องของอุณหภูมิ ดังนั้นเราจึงไม่สามารถสร้างเว็บไซต์แล้วเก็บในเครื่องคอมฯของเราได้ เราจึงจำเป็นต้องเช่าพื้นที่สำหรับเก็บเว็บไซต์ ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้การเช่า Hosting หรือเรียกว่า เช่า Server ก็มีความหมายเดียวกัน เพราะว่ามีต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่า
ทีนี้เว็บไซต์ฟรีที่แจกกันอยู่คืออะไร เรามาดูกันครับ เว็บไซต์ฟรีที่แจกกันเราจะเรียกว่า เว็บไซต์ลูก จะมีอยู่ 2 ลักษณะ คือ
  • Sub-Domain มีลักษณะและข้อมูลต่าง ๆ เหมือนกับเว็บไซต์ต้นฉบับ หรือเรียกกันว่า เว็บไซต์แม่ ทุกประการ เพียงแต่จะมีเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมข้อมูลส่วนตัวของผู้ที่ได้รับแจก เช่น ชื่อ รูปภาพ เบอร์โทร อีเมล์ เป็นต้น รูปแบบของ Sub-Domain คือจะมีชื่อที่ได้รับการตั้งเองจากผู้ที่ได้รับแจกอยู่นำหน้า หรือ ต่อท้าย Domain Name ของเว็บไซต์ ตัวอย่างเช่น เว็บไซต์แม่ใช้ชื่อว่า www.abc.com ส่วน Sub-Domain จะเป็น www.ชื่อที่เราตั้งเอง.abc.com หรือ www.abc.ชื่อที่เราตั้งเอง.com
  • Web Page ก็คือหน้าเว็บอีกหน้าหนึ่งของเว็บไซต์ จะแสดงผลเหมือนเว็บไซต์แม่ทุกประการ เพียงแต่ฝังรหัสสมาชิกของผู้ที่ได้รับแจกไว้ต่อท้าย Domain Name ตัวอย่างเช่น เว็บไซต์แม่คือ www.xyz.com เว็บฟรีที่ได้รับแจกจะเป็น www.xyz.com/?id=xxxxxx เป็นต้น ทั้งนี้เว็บฟรีลักษณะนี้จะไม่แสดงผลของสมาชิกทั้งหมดแยกออกมาเมื่อเข้าสู่เว็บจากเว็บไซต์แม่ เป็นเพียงการเก็บข้อมูลไว้ในฐานข้อมูล Data Base เท่านั้น
อย่างที่ผมได้กล่าวไปแล้วว่า เว็บไซต์จะต้องมีที่เก็บข้อมูล ซึ่งก็คือ การเช่า Hosting โดยมีค่าใช้จ่ายอยู่ประมาณพันกว่าบาทไปจนถึงหลายพันต่อปี ขึ้นอยู่กับปริมาณข้อมูลของเว็บไซต์ รวมถึง Option เสริมต่าง ๆ ผู้เช่าสามารถเลือกได้ตามความเหมาะสม ที่สำคัญคือผู้ให้บริการเช่า Hosting จะอนุญาตให้สร้าง Sub-Domain ขึ้นมาได้ โดยอาจกำหนดจำนวนหรือไม่ก็ได้ แต่ส่วนใหญ่แล้วจะไม่กำหนด เนื่องจากธุรกิจนี้ก็มีการแข่งขันกันสูง และสำหรับเว็บฟรีในรูปแบบ Web Page ก็เป็นการเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลเพียงเล็กน้อย ดังนั้น เจ้าของเว็บไซต์ (เว็บแม่) จึงสามารถนำมาแจกฟรีได้

ประโยชน์ของเว็บฟรีสำหรับผู้ได้รับแจก ก็คือ ใช้เป็นเครื่องมือในการทำงาน เป็นตัวเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ผู้เข้ามาเยี่ยมชม ส่วนผู้แจก (เว็บแม่) ก็ได้ประโยชน์ที่เหมือนกัน เพียงแต่เพิ่มในส่วนของ ประโยชน์ในการใช้แยกผลงานของผู้ที่ได้รับแจกเพื่อแบ่งผลตอบแทนให้ อีกด้วย

การที่มีเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็น เว็บของเราเองโดยตรง หรือจะเป็น เว็บที่ได้รับแจกฟรี หมายถึงว่า เรามีเครื่องมือที่จะใช้สำหรับการทำงานออนไลน์ เป็นหน้าร้านสำหรับร้านค้าออนไลน์หรือธุรกิจ E-Commerce เป็นช่องทางที่จะให้ข้อมูลแก่ผู้มุ่งหวังสำหรับธุรกิจเครือข่ายออนไลน์ แต่หากเราไม่รู้จักการใช้เครื่องมือนี้ ก็จะไม่เกิดประโยชน์อันใดเลย

ในการทำธุรกิจออนไลน์ต่าง ๆ เพื่อวัตถุประสงค์ในการขยายฐานลูกค้ารายใหม่ หรือ หาผู้มุ่งหวังรายใหม่สำหรับขยายองค์กรสำหรับธุรกิจเครือข่าย และที่สำคัญคือ สร้างลูกค้าขาประจำ(ตามภาษาพ่อค้าแม่ค้า) แน่นอนว่าเราไม่ได้เน้นไปที่คนรู้จักแต่เน้นไปที่คนใหม่ซึ่งเป็นคนแปลกหน้า และสิ่งที่คนทั่วไปใช้หาข้อมูลต่าง ๆ ที่เขาสนใจก็คือ Google ดังนั้น เว็บไซต์จะต้องมีตัวตนอยู่จริงในโลกออนไลน์ สำหรับเพื่อน ๆ ที่มีเว็บไซต์อยู่แล้ว สามารถตรวจสอบได้ว่า เว็บไซต์ของคุณมีอยู่จริงหรือไม่ในโลกออนไลน์ได้โดย เข้าไปที่ Google พิมพ์ในช่องค้นหาว่า site:ตามด้วยชื่อเว็บไซต์ (หากเป็นเว็บที่ได้รับแจกมาก็ใส่ให้ครบเหมือนเวลาที่จะเข้าเว็บ) ถ้าหากพบ ขอแสดงความยินดีด้วย เว็บของคุณมีตัวตนแล้วในโลกออนไลน์ หากไม่พบก็แสดงว่าเว็บคุณยังไม่มีตัวตน โอกาสที่จะมีคนแปลกหน้าเข้ามาชมเว็บคุณเท่ากับ ศูนย์

ถึงแม้ว่า เว็บไซต์ของคุณ จะมีตัวตนแล้วหรือไม่ก็ตาม ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องมีคนเข้ามาพบเจอเว็บของคุณ จะต้องมีวิธีการที่ทำให้เว็บไซต์สามารถแสดงผลได้จากการค้นหาด้วย search engine ต่าง ๆ เช่น Google , Yahoo หรือ Bing เป็นต้น โอกาสหน้าผมจะมาเล่าให้ฟัง

ก่อนจบบทความ หากเพื่อน ๆ สนใจที่จะสร้างเว็บไซต์เป็นของตนเอง สามารถชมวีดีโอแนะนำและลงทะเบียนที่กล่องลงทะเบียนด้านบนขวาของเว็บนี้ เพื่อขอรับรหัสเข้าห้องเรียนหลักสูตร "การสร้างเว็บไซต์ด้วยตนเอง" ซึ่งหลักสูตรนี้จัดในรูปแบบ คอร์สวีดีโอ เพื่อน ๆ สามารถเรียนได้เวลาใดก็ได้ และที่สำคัญ ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ เลย ในการเรียนและสร้างเว็บไซต์ด้วยตัวเอง หรือคลิกลงทะเบียนได้ ที่นี่

แด่ความรู้และความสำเร็จของเพื่อน ๆ
Mr.Supawat

วันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2553

วิธีดี ผู้ใช้ดี ผลลัพธ์ดี

วันนี้ได้เปิด youtube หาเพลงฟัง ไปเจอคลิปเพลง ๆ นึง ร้องโดยนักร้องดังที่มีชื่อเสียง ซึ่งหลายท่านอาจเคยได้ชมกันไปแล้ว ฟังจบก็เลยได้ไอเดียในการเขียนบทความ เราไปชมคลิปกันก่อนนะครับ รับรองว่าเพลงมันส์มาก


เป็นไงครับ มันส์อย่างที่บอกไหมครับ คงจะงงกันบ้างว่า แล้วมันเกี่ยวอะไรกับธุรกิจออนไลน์ หรือ ธุรกิจเครือข่ายออนไลน์ เราไปดูกันครับ

เพลงนี้ชื่อว่า "น้ำลาย" ต้นฉบับเป็นของ Silly Fool ส่วนนักร้องก็คือ "วสันต์ โชติกุล" ผมว่าเพื่อน ๆ คงรู้จักกันทุกคนดีอยู่แล้ว เพลงที่เค้านำเสนอเพื่อวัตถุประสงค์ให้ผู้ชมเกิดความสนุกสนาน แล้วผลตอบรับก็เยี่ยมเสียด้วย มีคนจำนวนมากลุกขึ้นเต้น โยกย้าย ส่ายสะโพก กันอย่างสนุกสนาน

เนื้อร้องและทำนองของเพลง เปรียบเสมือน วิธีการทำงานออนไลน์ นักร้องซึ่งก็คือ "วสันต์ โชติกุล" เปรียบเสมือนนักธุรกิจออนไลน์ ส่วนผู้ชมที่กำลังสนุกสนาน ก็เปรียบได้เหมือนกับ ผู้คนที่เข้ามาซื้อสินค้า/บริการในธุรกิจออนไลน์ หรือผู้ที่เข้ามาร่วมในธุรกิจสำหรับธุรกิจเครือข่าย

หากเพื่อน ๆ รู้จักวิธีการทำงานออนไลน์ที่ถูกต้องแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้ย่อมออกมาดีด้วย หลายท่านอาจมีความเห็นที่แย้งตรงที่ว่า ก็เพลงเค้าดัง นักร้องก็ดัง ผลลัพธ์ถึงออกมาดี ผมอยากให้มองว่า เพลงดี นักร้องดี ผลลัพธ์ถึงดี ต่างหาก ถึงแม้ว่าจะเป็นนักร้องโนเนมร้อง ผมว่าผลลัพธ์ก็ต้องออกมาคล้ายคลึงกัน ถึงจะไม่เท่าที่ วสันต์ ร้องก็ตาม ไม่เชื่อถ้ามีโอกาสเพื่อน ๆ ลองเอาเพลงนี้ไปร้องให้คนหมู่มากฟังซิ

สรุปได้ว่า การทำธุรกิจออนไลน์ หรือ ธุรกิจเครือข่ายออนไลน์ จำเป็นจะต้องรู้จักวิธีการทำงานที่ดี ที่ถูกวิธีเสียก่อน ส่วนเรื่องภาพความสำเร็จของเพื่อน ๆ เป็นเรื่องรอง เพราะความสำเร็จจะต้องใช้เวลา เมื่อเพื่อน ๆ เริ่มมีภาพความสำเร็จแล้ว ผลลัพธ์ก็จะยิ่งทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น

ผมขอแนะนำให้เพื่อน ๆ ได้ศึกษา วิธีการทำธุรกิจออนไลน์ จากทีมของผม GiveAndRich ที่นี่เราสอนให้รู้จักการทำ การตลาดบนโลกออนไลน์ ในหลากหลายวิธี ที่สำคัญคือ ความรู้ที่เราถ่ายทอดให้ สามารถนำไปใช้ได้กับทุกธุรกิจในโลกออนไลน์ ไม่ว่าคุณจะทำหรือสนใจธุรกิจประเภทไหน ค่ายไหน เปรียบเสมือนสอนให้เพื่อน ๆ รู้จักคำร้อง ทำนอง แล้วนำไปร้องในสไตล์ของเพื่อน ๆ เอง เช่นเดียวกับ เพลง "น้ำลาย" ร้องโดย "วสันต์ โชติกุล"

เพื่อน ๆ สามารถเริ่มต้นที่จะเรียนรู้ได้ โดยการลงทะเบียนที่กล่องลงทะเบียนสีน้ำเงินด้านขวาของบล็อก หรือคลิกลงทะเบียนได้ที่นี่

แด่ความสำเร็จของเพื่อน ๆ
Mr.Supawat

วันอาทิตย์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ส่วนประกอบของการตลาด เพื่อธุรกิจออนไลน์

หากท่านได้อ่านบทความของผมอย่างต่อเนื่อง ท่านจะทราบว่า การทำ ธุรกิจออนไลน์ ธุรกิจเครือข่าย และ ธุรกิจเครือข่ายออนไลน์ ให้ประสบความสำเร็จได้นั้น คุณต้องเข้าใจความต้องการของลูกค้าหรือผู้มุ่งหวัง ต้องมีจุดขาย มีวิธีการที่จะตอบสนองความต้องการเพื่อให้เกิดการตัดสินใจ และต้องรู้ว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณอยู่ที่ไหน ทั้งหมดนี้ก็คือหลักการของ การตลาดแบบดึงดูด (Attraction Marketing)

สำหรับ ธุรกิจออนไลน์ ประเภทที่ขายสินค้าหรือบริการทั่วไป หากมีความรู้เรื่อง การตลาดแบบดึงดูด ก็เพียงพอแล้ว เพราะนั่นหมายความว่า คุณได้จะลูกค้า มีโอกาสขายของได้แล้ว หากคุณให้ข้อมูลของสินค้าหรือบริการได้ตรงใจลูกค้า ย่อมเกิดการตัดสินใจซื้อ และยิ่งถ้าคุณมีบริการหลังการขายที่ดี คอยแก้ปัญหาให้ คำแนะนำ สร้างความประทับใจหลังจากที่ลูกค้าซื้อไปแล้ว คุณก็จะได้ลูกค้าประจำ เมื่อไรที่เขาต้องการสินค้าประเภทที่คุณขาย เขาจะคิดถึงคุณเป็นคนแรก

แต่กับ ธุรกิจเครือข่าย หรือ ธุรกิจเครือข่ายออนไลน์ นั้น สิ่งที่ผู้มุ่งหวังต้องการ คือ ความสำเร็จในการทำธุรกิจ ไม่ใช่ต้องการเพียงแค่เข้ามาร่วมในธุรกิจเท่านั้น ดังนั้น สิ่งที่จะตอบสนองความต้องการของผู้มุ่งหวังก็คือ คุณจะต้องรู้วิธีการที่จะทำให้ผู้มุ่งหวังประสบความสำเร็จ คุณจะต้องถ่ายทอดแนะนำวิธีการ รวมถึงคอยช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นด้วย เพราะความสำเร็จของทีมงาน เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จของคุณ

ในการทำธุรกิจเครือข่ายออนไลน์ หากคุณใช้เพียง การตลาดดึงดูดแบบธรรมดา ดึงดูดคนเข้ามาหาเรา หลังจากนั้นทำการให้ข้อมูลเพื่อให้เกิดการตัดสินใจด้วยตัวเราเอง คงไม่สามารถทำให้คุณประสบความสำเร็จได้ เพราะคุณต้องทำงานกับคนหมู่มากจึงจะสำเร็จ ด้วยเวลาของทุกคนที่มีอยู่อย่างจำกัด ทุกคนมีเวลา 24 ชั่วโมงในหนึ่งวันเท่ากัน ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องสร้างระบบของเราเอง ระบบที่ทำงานแทนเรา ให้ข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ที่เพียงพอที่ทำให้ลูกค้าหรือผู้มุ่งหวังเกิดการตัดสินใจ ซึ่งผมเรียกว่า "ระบบดึงดูดอัตโนมัติ"

แล้วจะสร้าง "ระบบดึงดูดอัตโนมัติ" ได้อย่างไร ผมขอตอบว่า "ต้องเรียนรู้และลงมือทำ" แล้วต้องเรียนรู้เรื่องอะไรบ้าง มีวิชาอะไรที่เกี่ยวข้องบ้าง

จากบทความที่แล้วเรื่อง "หนทางสู่ความสำเร็จในธุรกิจเครือข่ายออนไลน์" ผมได้กล่าวถึง 3S ซึ่งทั้งหมดเป็นส่วนประกอบของ "ระบบดึงดูดอัตโนมัติ" ได้แก่ Self , Site , System และกล่าวถึงกระบวนการ Hi-Tech & Hi-Touch เพื่อเป็นการนำระบบที่สร้างขึ้นไปใช้ หากคุณเข้าใจหลักการของ การตลาดดึงดูด แล้ว นั่นหมายถึง คุณเริ่มมีในส่วน Self แล้ว ดังนั้น วิชาที่ต้องเรียนรู้เพิ่มเติมก็คือ
  • การสร้างเว็บไซด์ เพราะคุณต้องใช้เพื่อแสดงตัวตน เป็นกรอบของระบบ เปรียบเสมือนเป็นสถานที่ทำงานหรือหน้าร้านของคุณ
  • วิชา Article Marketing เป็นการเรียนรู้การใช้ศิลปะของถ้อยคำเพื่อสัมผัสใจคน ทำให้ผู้มุ่งหวังเกิดความไว้ใจ เชื่อใจ
  • วิชา SEO เป็นการเรียนรู้เรื่องการผลักดันให้เว็บไซด์มีอันดับสูงที่สุด จากการแสดงผลการค้นหาใน Google เพื่อที่จะให้ผู้คนได้พบเว็บไซด์ของคุณ พบตัวตนของคุณ
  • เรียนรู้วิธีการใช้เครื่องมือ Hi-Tech ต่าง ๆ ที่จะช่วยคุณค้นหากลุ่มเป้าหมาย ตลอดจนสร้างความสัมพันธ์กับผู้มุ่งหวังของคุณ
วิชาความรู้ทั้งหมดเหล่านี้ คือ วิธีการทำการตลาดออนไลน์ คุณสามารถนำไปใช้กับธุรกิจอะไรก็ได้ทุกรูปแบบที่มีอยู่ในโลกออนไลน์ และสิ่งแรกที่ต้องเรียนรู้ คือ "การสร้างเว็บไซด์ด้วยตนเอง" ซึ่งผมได้จัดเตรียมไว้ให้ในรูปแบบ ฟรีคอร์สวีดีโอ ไม่มีค่าใช้จ่ายแต่ประการใด หากพร้อมแล้วสามารถลงทะเบียนขอรับรหัสเข้าเรียนได้ ที่นี่ เลยครับ
แด่ความรู้และสำเร็จของคุณ
Mr.Supawat

วันอังคารที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

หนทางสู่ความสำเร็จในธุรกิจเครือข่ายออนไลน์

ก่อนที่เราจะมาเรียนรู้ถึง หนทางที่จะนำพาไปสู่ความสำเร็จใน ธุรกิจเครือข่ายออนไลน์ ขออธิบายถึงความหมายของ ธุรกิจออนไลน์ ซักเล็กน้อย ความจริงแล้วความหมายของ ธุรกิจออนไลน์ ก็คือ ธุรกิจใด ๆ ก็ตามที่อาศัยช่องทางอินเตอร์เน็ต เพื่อขยายฐานลูกค้า กระทำการสิ่งใดก็ตาม จนทำให้ลูกค้าเกิดการตัิดสินใจซื้อสินค้า/บริการ จากเจ้าของธุรกิจ รูปแบบของ ธุรกิจออนไลน์ ที่นิยมทำกันมีดังนี้
  • E-Commerce เป็นการนำเอาธุรกิจในโลกความเป็นจริง มาสู่โลกอินเตอร์เน็ต เพื่อเป็นการเิพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายอีกช่องทางหนึ่ง เจ้าของธุรกิจต้องมีสินค้า/บริการ เป็นของตนเอง และต้องดำเนินการจนกระบวนการซื้อขายเสร็จสิ้นสมบูรณ์ เช่น การจัดส่ง การเรียกเก็บเงิน การบริการหลังการขาย เป็นต้น ร้านค้าออนไลน์ ก็ถือเป็นอีกตัวอย่างของ E-Commerce
  • ตัวแทนขาย หรือเรียกกันว่า Affiliate Program คือ การเป็นตัวแทน นายหน้า เพื่อทำการนำเสนอสินค้า/บริการ แทนเจ้าของ ให้กระจายขยายวงกว้างออกไป ผู้ทำธุรกิจ Affiliate ไม่จำเป็นต้องมีสินค้า/บริการเป็นของตนเอง รับผลตอบแทนในรูปของคอมมิชชั่น ตัวอย่างได้แก่ Amazon.com
  • ธุรกิจเครือข่ายออนไลน์ เป็นการนำเอาธุรกิจ MLM ธุรกิจขายตรง ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีรูปแบบการสร้างเครือข่ายผู้บริโภค สร้างองค์กร สร้างฐานลูกค้า มาทำการตลาดในรูปแบบออนไลน์ มีการแนะนำธุรกิจ การอบรม ประชุม สัมนา ผ่านระบบ Conference
ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่า ธุรกิจเครือข่ายออนไลน์ เป็นเพียงหนึ่งในหลายรูปแบบของ ธุรกิจออนไลน์ ไม่ใช่เป็นทั้งหมด หรือเป็นสิ่งเดียวกันอย่างที่หลายคนเข้าใจ

การทำ ธุรกิจเครือข่ายออนไลน์ เป็นการทำธุรกิจกับคนแปลกหน้า ดังนั้นถ้าต้องการประสบความสำเร็จ สิ่งที่จำเป็นต้องมี ต้องสร้างและพัฒนา ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ
  1. Self เป็นการสร้างตัวตนของเราให้เกิดขึ้นในโลกออนไลน์ พัฒนาตนเอง จนทำให้ผู้มุ่งหวังมองเห็นว่า เราเป็นผู้นำที่จะคอยแนะนำ ถ่ายทอดวิธีการ ความรู้ ช่วยแก้ปัญหา จนทำให้เขาเหล่านั้น ประสบความสำเร็จ
  2. Site คือ ช่องทางที่จะแสดงตัวตนของเราบนโลกออนไลน์ ทำให้เราและผู้มุ่งหวัง ได้มาพบเจอกัน ได้แก่ เว็บไซด์ (Web Site) หรือ บล็อก (Blog)
  3. System คือ ระบบที่จะทำงานแทนเรา เป็นระบบที่ทำงานตลอด 24 ช.ม. ทำหน้าที่ ค้นหา ดึงดูด และคัดกรองผู้มุ่งหวัง จนนำพาผู้มุ่งหวังมาพบกับเรา สร้างความสัมพันธ์ ความประทับใจ ความไว้ใจ ความเชื่อมั่นและศรัทธา โดยการให้ความรู้ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์ จนผู้มุ่งหวังเลือกเรา ตัดสินใจเรียนรู้และขอคำแนะนำของเรา จนนำไปสู่การเข้าร่วมทำธุรกิจกับเรา นั่นเอง
ทั้ง 3 ส่วนนี้ ผมขอเรียกมันว่า 3S ฟังดูแล้วเหมือนว่ามันจะยุ่งยากพอสมควรเลยใช่ไหมครับ จริง ๆ แล้วมันไม่ได้ยุ่งยากอะไรเลย เพียงท่านเรียนรู้กลยุทธที่ผมเรียกว่า Hi-Tech & Hi-Touch เป็นการผสมผสานในเรื่องของเทคโนโลยีและศิลปะการสัมผัสใจคน หล่อหลอมทั้งสองสิ่งให้เป็นหนึ่งเดียว มาสร้างเป็นแรงดึงดูดให้กับตัวเรา สร้างเป็นระบบดึงดูดอัตโนมัติที่จะทำงานแทนเราได้ ในทั่วทุกมุมโลก และทุกเสี้ยววินาที

ดังนั้น สิ่งแรกที่เราจะต้องทำในการสร้างระบบดึงดูดอัตโนมัติของตัวเอง คือ เว็บไซด์ เพื่อที่จะใช้แสดงตัวตนของเรา เป็นช่องทางที่จะทำให้ผู้มุ่งหวังได้มาพบเจอเรา เชื่อหรือไม่ว่า ท่านก็สามารถสร้างเว็บไซด์ได้ด้วยตัวเอง ที่สำคัญ เว็บไซด์ที่สร้างขึ้นสามารถใช้งานได้จริงและสวยงาม ไม่แพ้เว็บไซด์ที่สร้างจากมืออาชีพเลยผมอยากให้ท่านได้ชมข้อมูลในวีดีโอนี้ก่อนตัดสินใจ กด Play ที่ตัววีดีโอได้เลยครับ





คอร์สวีดีโอ "การสร้างเว็บไซด์ด้วย WordPress" เป็นความรู้ที่ผมและทีมงานยินดีถ่ายทอดให้แก่ท่านฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายแต่ประการใด ท่านสามารถเรียนรู้ได้ทุกที่และตลอดเวลาผ่านระบบออนไลน์ เป็นไงบ้างครับ พร้อมที่จะสร้างเว็บไซด์ด้วยตัวเองกันหรือยัง ถ้าหากพร้อมกันแล้ว ก็กรอกข้อมูลด้านล่างเพื่อรับรหัสเข้าห้องเรียนได้เลย


พรสวรรค์หรือจะสู้พรแสวง
แด่ความสำเร็จของทุกท่าน
Mr.Supawat


วันอาทิตย์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ปัญหาใหญ่ของนักธุรกิจเครือข่าย

เมื่อคุณกระโจนเข้ามาสู่วงการ ธุรกิจเครือข่าย ไม่ว่าจะเป็นค่ายไหน เป็นธุรกิจประเภทใด สิ่งที่จะทำให้ประสบความสำเร็จ คือ คุณต้องสร้างองค์กรให้มีขนาดใหญ่ และองค์กรของคุณยังจะต้องขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ไม่หยุดนิ่ง ไม่ใช่มีแต่จำนวนคน ต้องมีจำนวนคนในองค์กรเพิ่มขึ้นอยู่เสมอ โดยไม่จำเป็นว่าคุณจะต้องเป็นคนหาคนเข้ามาเพิ่มเอง คนในองค์กรเป็นผู้หามาก็ได้ และต้องรักษาคนในองค์กรไม่ให้ไหลออกไป

ด้วยหลักการทำธุรกิจที่ฟังดูเหมือนว่าจะทำได้ง่าย ๆ แต่เอาเข้าจริง มันไม่ง่ายเลย ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจเครือข่ายระดับไหน มือเก่าหรือมือใหม่ มีตำแหน่งสูงเพียงใด ปัญหาที่จะต้องพบเจอเหมือนกันในการทำธุรกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มีเพียง 2 ข้อ คือ
  1. ขาดแคลนผู้มุ่งหวัง
  2. ไม่สามารถรักษาขนาดขององค์กรได้
การขาดแคลนผู้มุ่งหวัง ที่จะซักชวนเข้ามาร่วมทำ ธุรกิจเครือข่าย พูดง่าย ๆ ก็คือ "ไม่รู้จะไปชวนใคร" ถ้าเริ่มแรกคุณไม่รู้จะไปชวนใคร นั่นหมายถึงว่า องค์กรของคุณไม่โต หรือเรียกได้ว่า ในองค์กรของคุณมีคุณเพียงคนเดียว แต่หากคุณสามารถชักชวนคนมาได้บ้าง ไม่ว่าจะด้วยวิธีการเบสิคที่มักจะสอนกัน คือ การลิสต์รายชื่อผู้มุ่งหวัง (ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คนที่เรารู้จักทั้งนั้น) หรือ เป็นคนที่ Upline โยนลงมา อาจเพราะว่าสายงานมันบังคับที่สามารถมีสายงานได้เพียง 2-3 สายงานเท่านั้น คุณก็จะเริ่มไม่โดดเดี่ยว อาจมีรายได้เข้ามาบ้าง แต่คุณต้องมีคนที่คุณชักชวนมาเองด้วยนะ เพราะสายงานที่ Upline ต่อให้มันจะอยู่ข้างเดียวกันเสมอ ถ้าคุณชวนใครไม่ได้เลย ต่อให้ Upline โยนคนลงมามากแค่ไหน องค์กรของคุณก็จะโตข้างเดียว ไม่อาจทำให้คุณมีรายได้แต่ประการใด

การไม่สามารถรักษาขนาดขององค์กรได้ หากคุณชักชวนใครเข้ามาทำ ธุรกิจเครือข่าย กับคุณไม่ได้เลย ปัญหานี้ไม่ต้องพูดถึงเลย เพราะคุณจบชีวิตนักธุรกิจเครือข่ายตั้งแต่เจอปัญหาแรกไปแล้ว แต่ถ้าคุณชักชวนมาได้บ้าง และต้องมากกว่าหนึ่งคน เพื่อวางให้อยู่ในสายงานคนละข้าง อันเป็นการเข้าหลักเกณฑ์ในการรับค่าตอบแทน แต่ถ้า Downline ของคุณชวนใครไม่ได้อีกหละ หรือว่าคนนึงทำได้ แต่อีกคนทำไม่ได้ ก็เกิดการโตข้างเดียวขององค์กรอีกนั่นแหละ

การรักษาขนาดขององค์กร คือ องค์กรของคุณต้องมีจำนวนคนเข้ามากกว่าคนออก ที่สำคัญคุณต้องมีคนที่คุณชักชวนมาเองด้วยอย่างน้อย 2 คน แล้ววางให้อยู่คนละสายงานกัน เพราะถ้ามีคนเดียว แล้ว Upline ไม่โยนคนลงมา ก็จบ เมื่อคุณมีคนที่ชักชวนมาได้เองตามที่บอกไปแล้ว ทีนี้ก็ทำงานกันต่อ คุณก็ต้องชักชวนคนอื่นต่อ Downline ก็ต้องไปชักชวนคนอื่นต่อ หากมีคนเข้ามาเพิ่มเรื่อย ๆ องค์กรก็โตขึ้น แต่หาก Downline คนไหน ชวนคนเข้ามาไม่ได้ เค้าก็จะออกไปจากธุรกิจ เหลือแต่ชื่อไว้ให้คุณดูเวลาคุณเข้าไปดูผังในองค์กร แสดงว่าองค์กรของคุณมีขนาดเล็กลง

การที่องค์กรจะโตได้ ไม่ได้เกิดขึ้นจากคน ๆ เดียว ไม่ว่าคุณจะเก่งคนเดียว Downline ที่คุณชักชวนมาเก่งคนเดียว หรือ Downline ที่ Upline เอามาต่อให้เก่งคนเดียว แต่ต้องเกิดจากหลาย ๆ คน ถ้าโชคดีมีคนเก่งอยู่ทั้ง 2 ข้าง คุณอาจจะยืนอยู่ในธุรกิจได้ แต่ใครหละจะเป็นผู้โชคดี แล้วคุณเข้ามาทำ ธุรกิจเครือข่าย เพื่อรอโชคอย่างนั้นเหรอ

การแก้ปัญหา การขาดแคลนผู้มุ่งหวัง และ การรักษาขนาดองค์กร คุณจะต้องหาโค้ช ที่จะแนะนำคุณได้ว่า ทำอย่างไร วิธีไหน ที่จะทำให้คุณมีรายชื่อผู้มุ่งหวังเพิ่มขึ้น เปลี่ยนผู้มุ่งหวังให้มาเป็นคนในองค์กร และคุณก็จะต้องถ่ายทอดวิธีการที่คุณได้เรียนรู้มาให้แก่คนในองค์กร ให้คนเหล่านั้นทำได้เหมือนคุณ เพื่อที่จะทำให้องค์กรของคุณเติบโต ประสบความสำเร็จใน ธุรกิจเครือข่าย ร่วมกัน

หากคุณได้รับคำแนะนำจากใครก็ตามที่คุณคิดว่าจะมาเป็นโค้ชให้แก่คุณ แล้วคำแนะนำที่คุณได้ก็คือ การลิสต์รายชื่อผู้มุ่งหวัง การลงโฆษณา ในรูปแบบการทำงานแบบ Offline หรือได้รับคำแนะนำให้ส่งเมล์ โพสต์เว็บบอร์ด ลงโฆษณาในเว็บไซด์ต่าง ๆ ในรูปแบบการทำงานแบบ Online เพื่อที่จะนำพาผู้มุ่งหวังเหล่านั้นเข้าฟังการบรรยายเพื่อกระตุ้นให้ตัดสินใจเข้าร่วมทำธุรกิจกับคุณ ผมบอกได้เลยว่าโอกาสสำเร็จมีน้อยเต็มที เพราะอะไรเหรอครับ ถ้าหากคุณลิสต์รายชื่อผู้มุ่งหวังได้มากมาย คุณทำไปแล้ว การลงโฆษณาก็มีค่าใช้จ่ายสูง คุณมีเงินทุนมากพอหรือเปล่า การส่งเมล์ ถึงผู้รับไหมและเขาสนใจหรือไม่ โพสต์เว็บและลงโฆษณาในเว็บไซด์ มีใครเข้ามาดูไหม

หากคุณได้อ่านบทความของผมมาอย่างต่อเนื่อง(ถ้ายังไม่ได้อ่าน ควรกลับไปอ่านก่อนนะครับ) คุณจะเข้าใจว่า การทำธุรกิจเครือข่ายให้ประสบความสำเร็จ คุณต้องเข้าใจความต้องการของคน ต้องเลือกผู้คนที่สนใจ ต้องรู้ว่าผู้คนเหล่านั้นอยู่ที่ไหน ทำอย่างไรให้คนเหล่านั้นสนใจคุณ ตัดสินใจที่จะเข้ามาทำธุรกิจกับคุณ และต้องเลือกวิธีที่คุณและคนในองค์กรจะใช้ทำงาน ให้เหมาะสมกับแต่ละคน

ทั้งหมดที่ผมได้เรียนรู้มา ผมเริ่มต้นมาจาก "คัมภีร์แรงดึงดูด" หากคุณพร้อมและต้องการจะเรียนรู้ เพื่อความสำเร็จของตัวคุณเอง คุณก็สามารถเริ่มต้นได้เหมือนผม แล้วจะมัวรอช้าอยู่ทำไม ในเมื่อคุณสามารถเรียนรู้ได้แบบฟรี ๆ ได้ ที่นี่

แด่ความสำเร็จของทุกท่าน
Mr.Supawat

วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Offline-Online แบบไหนเหมาะกับใครใน ธุรกิจเครือข่าย

รูปแบบการทำงานของ ธุรกิจเครือข่าย ที่ทำกันในปัจจุบัน คงจะหนีไม่พ้นการทำงานแบบ Offline และ Online ยังมีนักธุรกิจเครือข่ายรวมถึงผู้ที่สนใจในธุรกิจเครือข่ายอีกจำนวนมากที่คิดว่า การทำงานแบบ Offline น่าจะเหมาะสมกับคนทั่วไป ส่วนการทำงานแบบ Online ฟังจากชื่อมันแล้วมันคงต้องเกี่ยวกับ Computer หรือ Internet แน่ ๆ ซึ่งน่าจะเหมาะสมกับผู้ที่มีความรู้หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับงาน Computer และ Internet อันนี้ผมขอบอกว่าก็มีส่วนถูกครับ เพราะว่าคนที่จะทำงานแบบ Online อย่างน้อยก็ต้องมีพื้นฐานเปิดคอมได้ ต่อเน็ตเป็น

แต่การที่คนเข้าร่วมใน ธุรกิจเครือข่าย เกิดจากความต้องการที่จะประสบความสำเร็จ ทั้งในเรื่องของการเงินและเวลา ตามที่ผมได้เคยเสนอไปแล้วในบทความเรื่อง "ทำไม ผู้คนถึงทำธุรกิจเครือข่าย" ดังนั้น บทความนี้ผมจะนำเสนอให้ตรงประเด็นว่า การทำงานแบบ Offline-Online แบบไหนเหมาะกับใคร

การทำงานแบบ Offline จะใช้รูปแบบการชักชวนผู้มุ่งหวัง เข้าร่วมกิจกรรม เข้าฟังการบรรยายเกี่ยวกับธุรกิจ รวมไปถึงเข้าร่วมงานที่จัดขึ้นในโอกาสพิเศษ เป็นประจำเดือน ประจำไตรมาส ประจำปี ซึ่งวิธีการหาผู้มุ่งหวังที่ได้รับการถ่ายทอดกันมา จะเน้นจากคนใกล้ตัว ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง คนรู้จัก ดังนั้น นักธุรกิจเครือข่าย ที่มีโอกาสที่จะประสบความเร็จในเวลาอันสั้นจากการทำงานแบบ Offline จะต้องเป็นกว้างขวางในสังคม มีคนรู้จักมากมาย มีฐานะทางสังคมสูง มีความเป็นผู้นำ เคยประสบความสำเร็จมาแล้ว เป็นที่เชื่อถือของผู้คน และอื่น ๆ อีกมากมายที่ทำให้ นักธุรกิจเครือข่าย ผู้นั้น ดูเหนือกว่านักธุรกิจเครือข่ายทั่วไป ท่านว่าจริงไหมครับ ลองดูจากการเข้าร่วมกิจกรรมกับบริษัทที่ท่านทำหรือสนใจอยู่ก็ได้ นักธุรกิจเครือข่ายระดับสูงส่วนใหญ่ จะเป็นคนที่มีชื่อเสียง เคยประสบความสำเร็จมาจากบริษัทอื่นมาแล้ว มีฐานองค์กรอยู่แล้ว หรือไม่ก็เป็นคนที่มีความรู้จบการศึกษาสูง ๆ ไม่ว่าจะเป็น วิศวกร หมอ พยาบาล เกสัชกร หรือทำธุรกิจส่วนตัวระดับเงินล้าน ตรงกับลักษณะที่ผมกล่าวมาแล้วไหมครับ แต่ก็ยังมีบางส่วน(น้อย ๆ ขอย้ำ น้อยจริง ๆ) ที่เป็นคนธรรมดาสามัญแล้วประสบความสำเร็จ อันนี้ต้องขอปรบมือให้ดัง ๆ กับความพยายาม อึด ถึก ทน ของท่านจริง ๆ

มาดูรูปแบบการทำงานแบบ Online กันบ้าง การทำงานแบบ Online เป็นการย้ายสถานที่ในการบรรยาย การจัดประชุมต่าง ๆ จากโลกจริง ๆ มาสู่โลกอินเตอร์เน็ต ซึ่งสามารถแก้ปัญหาในเรื่องของระยะทางได้เป็นอย่างดี ยกตัวอย่างเช่น คุณอยู่กรุงเทพฯ แต่ผู้มุ่งหวังของคุณอยู่เชียงราย แน่นอนว่าการจัดการบรรยาย หรือการประชุมใด ๆ สถานที่คงไม่พ้นกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของทุกอย่าง โอกาสที่คุณจะเชิญผู้มุ่งหวังเข้าร่วมงานคงเป็นไปได้ยาก ต่อให้มีการบรรยายที่เชียงรายก็เถอะ ถ้ามีผู้มุ่งหวังจำนวนน้อย คุณจะไปพบพวกเขาเพื่อพาเข้าร่วมงานหรือเปล่า มันคุ้มกับเวลาและเงินที่เสียไปไหม อย่างมากก็ทำได้เพียงแค่โทรไปบอกว่าจะมีงานที่นั่นเท่านั้นเอง

เท่านั้นยังไม่พอ การทำงานแบบ Online ยังสามารถแก้ปัญหาในเรื่องของเวลาได้อีกด้วย เป็นยังไงเหรอครับ ไปดูกัน แม่ทีมที่มีการทำงานแบบ Online ส่วนใหญ่หรือเรียกว่าทั้งหมดเลยก็ว่าได้ จะมีเว็บไซด์เป็นของตัวเอง และแบ่งปันให้ลูกทีมได้ใช้ด้วย ซึ่งจะมีชื่อหรือรหัสที่งอกออกมาจากชื่อเว็บของแม่ทีม ลักษณะนี้ในทาง Internet เรียกเว็บแม่ทีมว่า Domain Name เรียกเว็บลูกทีมว่า Subdomain ตัวอย่างเช่น เว็บแม่ทีมคือ www.abc.com เว็บลูกทีมจะมีลักษณะเป็น www.ชื่อที่คุณตั้ง.abc.com หรือ www.abc.com/?id=...... เป็นต้น การที่ลูกทีมจะได้มากซึ่ง Subdomain แม่ทีมอาจให้ฟรีหรือเรียกเก็บค่าใช้จ่ายบ้างก็ได้ (แต่ผมขอบอกว่า Subdomain เป็นสิ่งที่เจ้าของเว็บได้มาฟรี) เว็บไซด์นี่เองที่จะเป็นช่องทางในการนำเสนอ เผยแพร่ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจแทนเราได้ตลอด 24 ชม.

แล้วผู้มุ่งหวังสำหรับการทำงานแบบ Online เบื้องต้นคงหนีไม่พ้นคนใกล้ตัวเช่นกัน แต่สำหรับโลก Internet แล้ว ค่าใช้จ่ายในการโฆษณาจะต่ำกว่าโลกจริง ๆ มากทีเดียว ดังนั้น การจะได้มาซึ่งผู้มุ่งหวังก็จะได้มาจากการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ อีกทั้งยังมีโปรแกรมเมอร์หัวใส คิดต้นประดิษฐ์โปรแกรมในการดูดอีเมล์ออกมา เพื่อให้ได้มาซึ่งรายชื่อสำหรับทำการส่งอีเมล์แนะนำธุรกิจต่อไป เราเรียกวิธีการนี้ว่า Spam mail (อันนี้ไม่ต้องตกใจไป โปรแกรมมีเงื่อนไขในการทำงานไม่สามารถดูดทุกอีเมล์ในโลก เอาไว้มีโอกาสผมจะนำเสนอต่อไป) ซึ่งจริง ๆ แล้ว วิธีนี้ผิดกฎหมาย มีโทษปรับถึงสองแสนบาท ผมจึงไม่สนับสนุน

Computer ถือได้ว่าเ็ป็นสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างหนึ่ง สมัยนี้โปรแกรมต่าง ๆ ถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่าย ไม่ซับซ้อน เดี๋ยวนี้เด็กประถมยังใช้งานเป็นเลย ถ้าการใช้งานวุ่นวายยุ่งยากมาก ก็คงไม่ได้รับความนิยมอย่างทุกวันนี้ การใช้โปรแกรมต่าง ๆ เปรียบไปก็เหมือนการปรุงอาหาร คนหลายคนปรุงอาหารชนิดเดียวกับ รสชาติย่อมแตกต่างกัน ไม่รวมถึงความอร่อยหรือไม่อร่อย แต่ถ้าทำมาม่ากิน ผมว่ารสชาติคงเหมือนกันเป๊ะ เพราะมันเป็นกึ่งสำเร็จรูป ใครก็ทำได้

มาถึงตรงนี้ ผมว่าทุกท่านคงมองออกแล้วว่า การทำธุรกิจเครือข่าย แบบ Offline-Online แบบไหนจะเหมาะสมกับใคร แต่การทำุธุรกิจเครือข่ายให้ประสบความสำเร็จ ไม่เพียงแค่ต้องเลือกวิธีการทำงานให้เหมาะสมเท่านั้น จะต้องรู้จักแก้ปัญหาด้วย ซึ่งปัญหาใหญ่ที่ทำให้คนไม่ประสบความสำเร็จ มีเพียง 2 ข้อก็คือ ขาดแคลนผู้มุ่งหวัง และไม่สามารถรักษาคนในองค์กรให้อยู่ในธุรกิจได้ บทความหน้าผมจะนำเสนอต่อไป

สำหรับท่านที่มีความประสงค์ ต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับการทำงานบนโลกออนไลน์แบบเจาะลึกลงไปอีก เพื่อพัฒนาศักยภาพของตัวท่านเอง ซึ่งความรู้นี้สามารถใช้ได้กับทุกธุรกิจบนโลกออนไลน์ สามารถศึกษาเครื่องมือการทำงาน และวิธีการใช้เครื่องมือต่าง ๆ โดย ที่นี่ ไม่มีค่าใช้จ่าย


แด่ความสำเร็จของคุณ
Mr.Supawat

วันพุธที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ธุรกิจเครือข่าย ทำให้เป็น ต้องรู้จักเลือกตลาด

สวัสดีครับ พบกันอีกแล้วกับผม Mr.Supawat ในการทำ ธุรกิจเครือข่าย อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่า การสร้างจุดขาย ก็คือ การเลือกตลาด หากเรามองตลาดออก เลือกตลาดอย่างถูกต้อง โอกาสที่เราจะประสบความสำเร็จใน ธุรกิจเครือข่าย ก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอะไร แถมเรายังไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยกับการทำธุรกิจอีกด้วย

ธุรกิจเครือข่าย เป็นธุรกิจที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แตกต่างจากธุรกิจอื่น ๆ ทั่วไป ตรงที่สถานะของเราที่มีต่อเจ้าของธุรกิจ ในธุรกิจทั่วไปหากเราบริโภคสินค้าหรือบริการ สถานะของเราก็คือ ลูกค้า แน่นอนว่าสาเหตุที่เราเลือกบริโภคเพราะว่าความต้องการซื้อ (Supply) ในตัวสินค้า/บริการ แต่สำหรับ ธุรกิจเครือข่าย แล้ว หากเราต้องการบริโภคผลิตภัณฑ์ เราจำเป็นต้องเป็นสมาชิกก่อน ซึ่งจุดขายของบริษัทเครือข่าย คือ เปิดโอกาสให้สมาชิกสามารถดำเนินธุรกิจได้ สถานะของเราจึงเป็น นักธุรกิจเครือข่าย แต่เราก็สามารถเลือกได้ว่าจะทำหรือไม่ทำธุรกิจ จากบทความเรื่อง "ทำไม ผู้คนถึงทำ ธุรกิจเครือข่าย" ที่ผมเคยนำเสนอไปแล้วนั้น จะเห็นว่า สาเหตุที่ผู้คนเข้าร่วมธุรกิจเครือข่ายโดยส่วนใหญ่ เป็นเพราะต้องการตัวธุรกิจเพื่อตอบสนองความต้องการในเรื่องของรายได้เป็นหลัก เห็นหรือยังครับว่า ตลาดของธุรกิจเครือข่าย ก็คือคนที่ต้องการรายได้ แต่อันนี้ยังเป็นภาพกว้าง ๆ

หากท่านคิดว่า เรื่องพื้น ๆ อย่างนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า การทำธุรกิจเครือข่าย ต้องเลือกตลาดผู้ต้องการรายได้ ขอแสดงความยินดีด้วยครับ คุณเข้าใจหลักการในการทำธุรกิจเครือข่ายแล้ว แต่ประเด็นของบทความนี้ ไม่ใช่แค่ภาพรวมกว้าง ๆ เท่านั้น ผมจะตีกรอบให้แคบลง เพื่อให้ท่านได้เห็นตลาดที่เหมาะสม

โลกทุกวันนี้ไม่ใช่มีเพียง โลกใบกลม ๆ สีน้ำเงิน แกนเอียง ๆ หมุนรอบตัวเอง หมุนรอบดวงอาทิตย์ ที่เราอาศัยอยู่อีกต่อไป ยังมีอีกโลกหนึ่งคือ โลกอินเตอร์เน็ต ซึ่งนับวันจำนวนผู้คนในโลกอินเตอร์เน็ตยิ่งเพิ่มมาขึ้น ตลาดจึงมีอยู่ 2 ตลาดด้วยกันคือ ตลาดสำหรับมนุษย์ทุกคนบนโลก ที่เรียกว่า "ตลาด Offline" กับอีกตลาดเฉพาะผู้ที่อยู่บนโลกอินเตอร์เน็ต เรียกว่า "ตลาด Online" คนที่ต้องการรายได้ ต้องการร่ำรวย ที่เราหวังจะชักชวนทำธุรกิจ(ต่อไปนี้จะเรียกว่า ผู้มุ่งหวัง) ก็มีอยู่ทั้ง 2 โลก ยังกว้างอยู่ใช่ไหมครับ เรามาช่วยกันคิดตามนะครับจะได้แคบลง

คุณคิดว่าการหาผู้มุ่งหวังจาก ตลาด Offline กับ ตลาด Online อันไหนง่ายกว่ากัน คงจะมีคำตอบกันในใจกันแล้ว ผมมั่นใจว่าต้องมีหลากหลายคำตอบด้วย ไม่ว่าจะเป็น "Offline ง่ายกว่า" หรือ "Online ง่ายกว่า" หรือ "ง่ายทั้งคู่" หรือ "ยากทั้งคู่" หรือแม้กระทั่ง "ไม่รู้สิ" ถ้ามองในแง่ปริมาณ คนบนโลกอินเตอร์เน็ตเป็นเพียงคนส่วนหนึ่งบนโลกมนุษย์ ดังนั้น ตลาด Offline ดูน่าจะง่ายกว่าใช่ไหมครับ สำหรับผมคำตอบคือ "ไม่ใช่ครับ ตลาด Online ง่ายกว่า" ทำไมผมถึงคิดอย่างนี้ เพราะว่า ในโลกความเป็นจริง ผู้คนจะเก็บความต้องการ เก็บความรู้สึกนึกคิดไว้ในใจ ไม่ได้แสดงออกมาอย่างชัดเจนว่า "อยากรวย" ทั้ง ๆที่ต้องการ ไม่ได้บ่งบอกว่ารู้จักธุรกิจเครือข่ายหรือไม่ สนใจธุรกิจเครือข่ายหรือไม่ แต่สำหรับโลกอินเตอร์เน็ต ที่อุดมไปด้วยข้อมูล ข่าวสาร พฤติกรรมของผู้คนจะแตกต่างออกไป แสดงออกมาชัดเจนว่าสนใจอะไร ต้องการอะไร หาอะไรอยู่ พิสูจน์ได้จากอะไรเหรอครับ ก็จากการที่คุณกำลังอ่านบทความนี้อยู่ หัวข้อก็บ่งบอกให้รู้อยู่แล้วว่าเกี่ยวกับ ธุรกิจเครือข่าย แสดงว่าคุณกำลังสนใจหรือต้องการทราบข้อมูล นั่นก็ส่วนหนึ่ง ส่วนที่สำคัญก็คือ คงไม่มีใครที่ใช้อินเตอร์เน็ตแล้วไม่รู้จัก Google พระเอกตัวจริงของโลกอินเตอร์เน็ต หาอะไรก็เจอ ผู้คนที่ใช้ Google เป็นเพราะต้องการค้นหาข้อมูลข่าวสาร ที่นี่เองที่จะทำให้เราได้ตลาดที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย นำพามาซึ่งผู้มุ่งหวังนั่นเอง

การเลือกตลาดในการทำ ธุรกิจเครือข่าย ไม่ว่าจะเลือกตลาดไหน จะเลือกทำตลาดเดียว หรือทำทั้ง 2 ตลาด ก็ไม่ใช่เรื่องที่ถูกทั้งหมดหรือผิดทั้งหมด ขึ้นอยู่กับสถานะและความเหมาะสมของแต่ละคนด้วย เอาไว้บทความหน้าผมจะให้ข้อมูลว่าตลาดไหนเหมาะสมกับใคร

ท่านสามารถเริ่มต้นเรียนรู้วิธีการทำงานออนไลน์ ได้โดยเริ่มต้นเรียนรู้จาก "การทำเว็บไซต์ด้วยตัวเอง" คอร์สนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ สอนครับ ถ่ายทอดให้ฟรี ๆ ลงทะเบียนได้ที่กล่องด้านล่างนี้เลยครับ

แด่ความสำเร็จของท่าน
Mr.Supawat

วันจันทร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2553

สร้างจุดขาย เพื่อความสำเร็จในธุรกิจเครือข่าย

พบกับผม Mr.Supawat อีกครั้ง จากบทความที่แล้ว "ธุรกิจเครือข่าย สำเร็จได้ ต้องเข้าใจหลักการ" ผมได้บอกไปแล้วว่า ธุรกิจใด ๆ ก็ตามย่อมต้องการลูกค้า และการให้ได้มาซึ่งลูกค้าก็คือ การทำการตลาด บทความนี้จะแนะนำถึง จุดขาย ที่จะทำให้ประสบความสำเร็จใน ธุรกิจเครือข่าย

ในวงการ ธุรกิจเครือข่าย สามารถแบ่งลูกค้าจากความต้องการในการบริโภคได้ 2 ประเภทด้วยกัน คือ
  1. ผู้ที่สนใจผลิตภัณฑ์ โดยส่วนใหญ่แล้ว คนกลุ่มนี้จะยังไม่สนใจที่จะร่วมทำธุรกิจ แต่จะให้ความสนใจในตัวผลิตภัณฑ์มากกว่า ถ้าผลิตภัณฑ์ใช้แล้วดี เห็นผล ก็อาจตัดสินใจเข้ามาทำธุรกิจได้ ในที่นี้ผมขอเรียกคนกลุ่มนี้ว่า "ลูกค้า"
  2. ผู้ที่สนใจในเรื่องของแผนรายได้ การจ่ายผลตอบแทน คนกลุ่มนี้จะมีน้ำหนักในการให้ความสนใจเรื่องของแผนรายได้มากกว่า ผลิตภัณฑ์ สนใจที่จะทำธุรกิจ สร้างรายได้ หรือเป็นอาชีพเสริม ในที่นี้ผมขอเรียกคนกลุ่มนี้ว่า "ผู้มุ่งหวัง"
การที่จะประสบความสำเร็จใน ธุรกิจเครือข่าย ได้นั้น นักธุรกิจเครือข่าย จำเป็นจะต้องมีทั้งลูกค้า และ ผู้มุ่งหวัง เพราะเมื่อใดก็ตามที่คนตัดสินใจเป็นลูกค้า หรือเข้าร่วมธุรกิจ นั่นหมายถึงการซื้อผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะทำให้นักธุรกิจเครือข่าย ได้รับค่าตอบแทน แต่ควรให้น้ำหนักในการหา ผู้มุ่งหวัง มากกว่า ลูกค้า เพราะว่าเมื่อผู้มุ่งหวังเข้าร่วมธุรกิจแล้วจะเกิดการซื้อซ้ำทำให้เราได้ ขาประจำ ส่วนลูกค้าอาจจะซื้อแค่ครั้งเดียวก็เป็นได้ แต่ก็ไม่ควรละเลย ลูกค้า เพราะเขาอาจจะตัดสินใจเข้าร่วมธุรกิจได้เช่นกัน

ผลิตภัณฑ์ของ ธุรกิจเครือข่าย นั้น มิได้เป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ(ปัจจัย 4)โดยตรง ไม่ได้เป็นสิ่งอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิต ซึ่งมันสามารถขายได้ด้วยตัวมันเอง ดังนั้น นักธุรกิจเครือข่าย ต้องใช้ จุดขาย เพื่อดึงดูดให้ผู้คนเกิดความสนใจ จนเกิดการซื้อผลิตภัณฑ์หรือเข้าร่วมธุรกิจ

โดยส่วนใหญ่แล้ว นักธุรกิจเครือข่ายมือใหม่ถึงปานกลาง จะใช้จุดขายในเรื่องความโดดเด่นของผลิตภัณฑ์ ผลของการใช้ผลิตภัณฑ์ ซึ่งบริษัทได้สร้างขึ้นไว้ให้แล้วเป็นตัวดึงดูดลูกค้า ใช้จุดขายในเรื่องของแผนรายได้ เรื่องของผู้นำหรือบุคคลที่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ เป็นตัวดึงดูดผู้มุ่งหวัง ซึ่งการใช้จุดขายเหล่านี้ไม่ได้เป็นสิ่งที่ผิด เพียงแต่มันจะไม่ทำให้เราแตกต่างจากนักธุรกิจเครือข่ายทั่ว ๆ ไป ไม่กระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจได้ ดังนั้น นักธุรกิจเครือข่าย จะต้องสร้างจุดขายเป็นของตัวเอง ให้เกิดความแตกต่างจากนักธุรกิจเครือข่ายธรรมดาทั่วไป เป็นตัวเร่งให้ผู้มุ่งหวังหรือแม้แต่ลูกค้าตัดสินใจเข้าร่วมทำธุรกิจ

จุดขายของตัวเอง ก็คือ การเป็น ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด หมายความว่า รู้วิธีในการทำการตลาด รู้ว่ากลุ่มเป้าหมายคือใคร หาได้จากที่ไหน มีความรอบรู้ในเรื่องของการใช้เครื่องมือทางการตลาด สามารถแนะนำ ถ่ายทอด สอน ความรู้เหล่านั้นให้แก่คนในองค์กรได้

คงจะเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า "ถ้ามีคนให้ปลาเรา 1 ตัว เราก็จะกินอิ่มได้แค่วันเดียว แต่ถ้ามีคนสอนให้เราจับปลา เราก็จะมีปลากินไปตลอดชีวิต" แล้วจะดีกว่าไหม ถ้ามีคนสอนให้เราจับปลาและรู้จักหาแหล่งที่มีปลาชุกชุมด้วย

การเป็น ผู้่เชี่ยวชาญด้านการตลาด ไม่ใช่เรื่องยากเกินความสามารถของคนทั่วไป ไม่ต้องใช้เวลาศึกษานานเป็นแรมปี หากคุณต้องการเป็น นักธุรกิจเครือข่าย ที่่มี ความเชี่ยวชาญด้านการตลาด เช่นเดียวกับผม คุณสามารถเริ่มศึกษาพื้นฐานได้ ที่นี่ ฟรีครับ

แด่ความสำเร็จของคุณ
Mr.Supawat

วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ธุรกิจเครือข่าย สำเร็จได้ ต้องเข้าใจหลักการ

สวัสดีครับ พบกับผม Mr.Supawat อีกแล้วครับท่าน ผ่านไปแล้ว 2 บทความ "อย่าทำ ธุรกิจเครือข่าย & ธุรกิจออนไลน์" และ "ทำไม? ผู้คนถึงทำ ธุรกิจเครือข่าย" ท่านที่ได้อ่านบทความทั้ง 2 ไปแล้วคงทราบแล้วนะครับว่าด้วยความต้องการพื้นฐานของมนุษย์นี่เองที่ทำให้ ธุรกิจเครือข่าย ยังมีผู้สนใจอีกมากมายและเติบโตอย่างต่อเนื่อง นั่นหมายถึง เงินก้อนโตที่วางอยู่ตรงหน้า ซึ่งทำให้คุณอาจสนใจอยากจะโดดเข้าร่วมวงไพบูลย์ เพื่อเป็นผู้ได้รับส่วนแบ่งจากเงินก้อนโตนี้ หรือบางท่านอาจร่วมไปแล้วก็ได้ แต่ถ้าคุณเข้าร่วมธุรกิจแล้วทำธุรกิจโดย ไม่เข้าใจหลักการ ไม่รู้วิธีการ ขอบอกเลยครับว่า โอกาสที่คุณจะประสบความสำเร็จไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน

ธุรกิจใด ๆ ในโลกใบนี้ ล้วนแล้วแต่จัดตั้งเพื่อ แสวงหาผลกำไร นั่นหมายความว่า เจ้าของธุรกิจ คือผู้ที่ครอบครอง สินค้าหรือบริการ การที่จะได้มาซึ่งกำไรนั้นก็คือ การส่งมอบสิทธิการครอบครองให้แก่บุคคลอื่น ในมูลค่าที่สูงกว่าที่ตนเองได้จ่ายไป ฟังดูแล้วอาจจะงงไหมครับ พูดเป็นภาษาชาวบ้านก็คือ ธุรกิจใด ๆ ก็ตาม จะต้องประกอบด้วย ผู้ขาย สินค้าหรือบริการ และผู้ซื้อ เมื่อมีองค์ประกอบเบื้องต้นครบแล้ว สิ่งต่อมาที่ต้องมีคือ สถานที่ ที่จะทำให้ผู้ขายและผู้ซื้อพบกันเพื่อตกลงเจรจาทำการซื้อขายกัน เราเรียกมันว่า "ตลาด" (อันนี้ไม่จำเป็นหรือจะต้องเป็นสถานที่จริง ๆ ก็ได้นะครับ อย่างเช่นก็ซื้อ-ขายผ่านอินเตอร์เน็ต การซื้อ-ขายทางโทรศัพท์ ก็ถือว่าเป็นตลาดเหมือนกัน) หัวใจสำคัญอยู่ตรงนี้ครับ การที่จะทำให้ผู้ขายและผู้ซื้อได้พบกัน เพื่อก่อให้เกิดการซื้อ-ขาย คือ "การตลาด" นั่นเอง

ธุรกิจเครือข่าย แตกต่างจากธุรกิจอื่นทั่ว ๆ ไปตรงที่ บริษัทจะไม่ทำการตลาดเองโดยตรง แต่เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจเข้ามาเป็นเจ้าของธุรกิจที่เรียกว่า "นักธุรกิจเครือข่าย" เป็นผู้ทำ การตลาด (โดยอาจให้ความช่วยเหลือในเรื่องต่าง ๆ บ้าง เช่น สถานที่ เงินค่าเช่าสถานที่) เืืพื่อชักชวนแสวงหาผู้มุ่งหวังรายใหม่และตัดสินใจเข้าร่วมธุรกิจ

ท่านอาจจะคิดว่า ถ้าอย่างนั้นบริษัทก็ไม่ต้องทำ การตลาด ซิ ในเมื่อ นักธุรกิจเครือข่าย เป็นผู้ทำ การตลาด แทน อย่าพึ่งด่วนสรุปครับ ไปดูกันต่อ

แน่นอนที่สุดว่า การที่ใครก็ตาม จะเข้ามาเป็นเจ้าของกิจการ ธุรกิจเครือข่าย ได้นั้น จะต้องเป็นสมาชิกและมีการซื้อสินค้าตามจำนวนหรือมูลค่าทำบริษัทกำหนด เห็นหรือยังครับว่า บริษัทสามารถขายสินค้าได้แล้ว หนำซ้ำบริษัทส่วนใหญ่ ยังมีข้อกำหนดว่าจะต้องมีการรักษายอดเพื่อให้ได้รับสิทธิในการรับค่าตอบแทน ก็คือการซื้อซ้ำ ทีนี้บริษัทก็จะได้ลูกค้าประจำเลยทีเดียว

จากบทความที่แล้ว "ทำไม? ผู้คนถึงทำ ธุรกิจเครือข่าย" ผมได้บอกไปแล้วว่า ผู้คนส่วนใหญ่เข้าร่วมธุรกิจ เป็นเพราะเขาเหล่านั้นต้องการรายได้ ดังนั้น แผนรายได้/แผนการจ่ายผลตอบแทน ก็คือ จุดขายของบริษัท เป็นตัว ดึงดูด ให้ผู้คนสนใจ/ตัดสินใจเข้าร่วมธุรกิจ ในโลกใบนี้มีบริษัทที่ดำเนินธุรกิจในรูปแบบ ธุรกิจเครือข่าย อยู่มากมาย แค่ในประเทศไทยก็นับไม่ไหวแล้ว การที่จะทำให้บริษัทประสบความสำเร็จ ได้รับส่วนแบ่งการตลาดมากกว่าบริษัทคู่แข่ง จำเป็นจะต้องสร้าง จุดขาย ให้มีความแตกต่าง ดีกว่า โดดเ่ด่นกว่า โดยอาจอยู่ในรูป แผนรายได้/แผนการจ่ายผลตอบแทน ที่ดีกว่า จ่ายสูงกว่า ทำง่ายกว่า หรือในด้านผลิตภัณฑ์ ที่มีความโดดเด่น เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น เป็นหนึ่งเดียวในโลก ได้รับการทดสอบผลและยอมรับจากสถาบันต่างๆ

เห็นหรือยังครับว่า บริษัทธุรกิจเครือข่าย ก็ต้องทำการตลาด โดยการสร้าง จุดขาย ที่โดดเด่นกว่าคู่แข่ง เพื่อ ดึงดูด ผู้คนให้สนใจ แต่สำหรับ นักธุรกิจเครือข่าย คู่แข่งไม่ใช่มีเพียงบริษัทอื่นเท่านั้น ยังมี นักธุรกิจเครือข่าย ทั้งค่ายเดียวกัน และต่างค่ายกัน ซึ่งมีเป็นจำนวนมากเสียด้วย เป็นคู่แข่งสำคัญด้วย ดังนั้น การที่จะทำ ธุรกิจเครือข่าย ให้ประสบความสำเร็จนั้น คุณจำเป็นที่จะต้องสร้าง จุดขาย ให้ตัวเองแตกต่างจากคู่แข่ง

สรุปก็คือ หลักการที่จะทำให้ ธุรกิจเครือข่าย ประสบความสำเร็จ คุณจะต้องรู้จักการทำ การตลาด และต้องมี จุดขาย เป็นของตนเอง

สำหรับตัวผมแล้ว ผมสร้าง จุดขาย ให้ตัวเองโดยเริ่มต้นจากการศึกษา "คัมภีร์แรงดึงดูด" ซึ่งไม่ได้เป็นความลับแต่ประการใด คุณก็สามารถเริ่มต้นได้เช่นเดียวกับผม โดยเข้ามาศึกษา ที่นี่ ฟรี

เหมือนเดิมอีกแล้วครับท่าน โอกาสหน้า ผมจะมาเล่าให้ฟังถึง "วิธีการทำ ธุรกิจเครือข่าย ให้ประสบความสำเร็จ"

เขียนข้อคิดเห็นติชมกันได้นะครับ

แด่ความสำเร็จของท่าน
Mr.Supawat

วันพุธที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ทำไม? ผู้คนถึงทำ ธุรกิจเครือข่าย

สวัสดีครับ ผม mr.Supawat พบกันอีกแล้วในบทความที่ 2 สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยอ่านบทความแรกของผม เรื่อง "อย่าทำ ธุรกิจเครือข่าย & ธุรกิจออนไลน์" ขอแนะนำให้ไปอ่านก่อนครับ จะได้ต่อเนื่อง โดยสามารถเข้าไปได้ที่คลังบทความ ด้านข้างบทความนี้ ทีนี้เราไปดูกันว่า "ทำไม? ผู้คนถึงทำ ธุรกิจเครือข่าย"

จำที่ผมเล่าเรื่องการทำงานแบบ Offline และ Online ได้ไหมครับ สิ่งที่เหมือนกันก็คือ นักธุรกิจเครือข่าย จะชักชวนผู้มุ่งหวังเข้าร่วมฟังการบรรยาย เพียงแต่ว่าจะถ่อสังขารไปฟังตามโรงแรม/ห้องประชุม(แบบ Offline) หรือนั่งปวดตาฟังการบรรยายผ่านระบบ Conference (แบบ Online) แล้วเนื้อหาอะไรที่ นักธุรกิจเครือข่าย เค้าเอามาบรรยายให้ผู้คนเหล่านั้นฟัง (ติ๊กต็อก ติ๊กต็อก ติ๊กต็อก...................) มันก็คือ STP ครับ ย่อมาจาก Show the Plan - Share the Product รายละเอียดเป็นยังไงมาดูกันครับ
  • Show the Plan เป็นการบรรยายเกี่ยวกับ แผนรายได้ที่ผู้เข้าร่วมธุรกิจจะได้รับ แน่นอนที่สุดว่า ตัวเลข ที่พูดถึงต้องเป็นหลักหมื่น หลักแสน หลักล้าน แล้วยังมีในเรื่องของโบนัส ไม่ว่าจะในรูปของเงิน สิ่งของ การท่องเที่ยว ทั้งหมดคือ โอกาสที่คุณจะได้รับ(เงิน)
  • Share the Product ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า เป็นการบรรยายเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ สรรพคุณต่าง ๆ ซึ่งโดยปกติแล้ว เนื้อหาส่วนนี้จะไม่ยาวมากสั้น ๆ กระชับ
คุณว่าเสร็จสิ้นการบรรยายแล้วเหรอ? ยังครับ! ไฮไลด์อยู่ที่ตอนท้าย (ส่วนใหญ่จะเป็นการบรรยายแบบ Offline) เป็นการเชิญ นักธุรกิจเครือข่าย ที่ประสบความสำเร็จ มีรายได้ตั้งแต่หลักหมื่น หลักแสน หลักล้าน มาพูดถึง รายได้เดือนล่าสุด รายได้สะสมตั้งแต่เข้าวงการ รายได้เดือนแรกที่เข้าวงการ เพื่อกระตุ้นต่อมอยากของผู้ฟังให้อยากมีรายได้เหมือนเขา ถ้าเป็น Online จะมีข้อด้อยตรงที่ไม่สามารถนำผู้ที่มีรายได้หลักแสน หลักล้าน เข้ามาพูดได้มากนัก แต่ก็ทดแทนด้วยเรื่องของเครื่องมือการทำงาน เช่น การให้เว็บไซด์ฟรี โปรแกรมส่งเมล์-ดูดเมล์ โปรแกรมโพสเว็บบอร์ด อะไรทำนองนี้ ทั้งหมดก็เพื่อเป็นการปิดสมัครผู้เข้าฟังเท่านั้น

เห็นอะไรไหมครับ เฉลยเลยแล้วกัน ที่จริงแล้วสินค้าของ ธุรกิจเครือข่าย มี 2 อย่างด้วยกัน คือ ผลิตภัณฑ์ และ แผนรายได้ ผู้เข้าฟังส่วนใหญ่ที่สนใจก็คือ แผนรายได้ มากกว่าตัว ผลิตภัณฑ์ (เป็นคุณจะสนใจอะไร ระหว่าง ใช้ผลิตภัณฑ์แล้วดี กับ ใช้ผลิตภัณฑ์แล้วมีรายได้) ส่วนผู้ที่ไม่สนใจอาจเป็นเพราะ เข็ด ไม่เชื่อมั่น กลัว หรืออะไรก็สุดแล้วแต่ ก็จะบอกลากันไป พบกันใหม่โอกาส(ชาติ)หน้า

ทีนี้เห็นหรือยังครับว่า "ทำไม? ผู้คนถึงทำ ธุรกิจเครือข่าย" เพราะเขาเหล่านั้น ต้องการรายไ้ด้ ต้องการเงิน ต้องการฐานะความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ คุณอาจจะคิดว่างั้นผมก็ไม่แตกต่างจากผู้คนทั่วไป ผมจะไม่ขอตอบว่าผมแตกต่างหรือไม่ ถ้าคุณติดตามบทความผมต่อไป คุณจะได้คำตอบ

เีพียงการเข้าร่วมธุรกิจ ไม่ใช่ว่าจะทำให้คุณได้ในสิ่ิงที่คุณต้องการ ได้ในทุกสิ่งที่ธุรกิจมอบให้ คุณต้องทำด้วย แล้วต้องทำอย่างไร? ใช้วิธีอะไร? ใครจะมาสอน?

เหมือนเดิมครับ โอกาสหน้า ผมจะมาเล่าให้ฟังว่า "ทำอย่างไร ให้ประสบความสำเร็จใน ธุรกิจเครือข่าย"

สำหรับผมแล้ว ผมเริ่มต้นความสำเร็จใน ธุรกิจเครือข่าย จาก "คัมภีร์แรงดึงดูด" คุณก็สามารถเริ่มต้นได้เหมือนกับผมได้ ที่นี่ ฟรี

เขียนข้อคิดเห็นติชมบทความกันได้นะครับ


My Zimbio
Top Stories

วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

อย่าทำ ธุรกิจเครือข่าย & ธุรกิจออนไลน์

สวัสดีครับ ก่อนอื่นขอแนะนำตัวเองก่อนนะครับ ผม Mr.Supawat จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คณะเศรษฐศาสตร์ ปัจจุบันทำธุรกิจส่วนตัว เปิดศูนย์อาหาร มีทั้งขายเองและให้เช่าพื้นที่ เนื่องจากธุรกิจของผมเปิดมาได้ 6 ปีแล้ว มันก็อยู่ตัวแล้ว จึงมีเวลาว่างพอสมควร ผมเลยถือโอกาสเข้าร่วมทำ ธุรกิจเครือข่าย เพื่อหารายได้อีกทาง

สำหรับท่านที่ทำ ธุรกิจเครือข่าย อยู่ตอนนี้ หรือสนใจที่จะทำ เห็นหัวข้อบทความแล้วอาจคิดว่าผมเพี้ยนหรือเปล่า ในเมื่อบอกว่าผมเองเป็น นักธุรกิจเครือข่าย แล้วทำไมถึงเขียนบทความในหัวข้อ "อย่าทำ ธุรกิจเครือข่าย&ธุรกิจออนไลน์" ต้องขอยืนยันว่า ผมไม่เพี้ยนครับ มาอ่านบทความกันก่อนครับ ว่า ให้สาระอะไรกับท่านบ้าง

ธุรกิจเครือข่าย คือ ธุรกิจที่เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจ สามารถเข้าร่วมงานในฐานะ นักธุรกิจเครือข่าย เพื่อสร้างเครือข่ายผู้บริโภค และสร้างรายได้อย่างมั่นคง สามารถเกษียณได้ เป็นคำนิยามที่ นักธุรกิจเครือข่าย ส่วนใหญ่มักจะใช้อธิบายความหมายของ ธุรกิจเครือข่าย อยู่เสมอ ถ้าจะพูดภาษาชาวบ้านก็คือ ให้คนที่เข้าร่วมทำธุรกิจ ไปหาคนมาสมัครทำธุรกิจเหมือนเขานั่นเอง

แล้วทีนี้หลายท่านอาจสงสัยว่า ธุรกิจเครือข่าย สร้างรายได้ให้จริงไหม ผมขอตอบว่าจริงครับ แต่จะได้มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับจำนวนสมาชิกในองค์กรของคุณ คือ คุณสามารถแนะนำ/หาคนมาทำธุรกิจได้มากน้อยแค่ ไหน และคนที่คุณแนะนำ/หามา ทำต่อได้มากน้อยแค่ไหน รวมถึงรุ่นต่อ ๆ ไปด้วย Concept ก็มีประมาณนี้ ถ้าองค์กรของคุณมีสมาชิกจำนวนมากและเหล่าสมาชิกทั้งหลายยังทำงานกันอย่างต่อเนื่อง คุณก็จะมีรายได้อย่างมหาศาล(จริง ๆ นะ ไม่ได้โม้....)

ระยะหลังเริ่มมีการทำการตลาดบนอินเตอร์เน็ตเลยเรียกกันติดปากว่า ธุรกิจออนไลน์ ซึ่งอันที่จริงแล้ว ความหมายของ ธุรกิจออนไลน์ ไม่ใช่แค่หมายความถึง ธุรกิจเครือข่าย เพียงอย่างเดียว ไว้โอกาสหน้าผมจะมาอธิบายให้ฟังว่าที่จริงแล้ว ธุรกิจออนไลน์ คืออะไร ตอนนี้มาดูกันต่อว่าทำไมผมถึงบอกว่า "อย่าทำ ธุรกิจเครือข่าย&ธุรกิจออนไลน์"

จากการคลุกคลีอยู่ในวงการเป็นเวลาแรมปี ผมพบว่า ผู้คนส่วนมากกว่า 95% ไม่ประสบความสำเร็จ ทั้งที่ต้องอำลาวงการไป หรือแม้กระทั่งย้ายไปทำ ธุรกิจเครือข่าย บริษัทใหม่ค่ายใหม่(ย้ายแล้วย้ายเล่า) โดยเหตุผลนานับประการ เช่น ถูก Upline (ผู้ที่แนะนำ) ทอดทิ้ง ไม่มีคนสอนงาน งานลักษณะนี้ไม่เหมาะกับตัวเอง สินค้าไม่ดี สินค้าแพง ต้องใช้เงินลงทุนสูงในการเข้าร่วมธุรกิจทำให้หาคนใหม่ยาก และอื่น ๆ อีกเพียบ เขาเหล่านั้นจึงเกิดอาการ "ถอย....ดีกว่า ไม่อาววววว....ดีกว่า" หรือไม่ก็ "ออก.......อย่างนี้ต้องลาออก" ผมเองก็เกือบไปเหมือนกัน ผมเลยมานั่งคิดว่า(ใช้คำว่าวิเคราะห์ หรูไปหรือเปล่า) อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ผู้คนเหล่านี้ไม่ประสบความสำเร็จ(จริง ๆ แล้วก็ตัวผมเองนี่แหละ) ผมพบว่า มีอยู่แค่ 2 ประการเท่านั้นเอง คือ ขาดแคลนผู้มุ่งหวัง และไม่มีวิธีการหาผู้มุ่งหวัง เมื่อไม่มีผู้มุ่งหวังรายใหม่ที่เข้ามาร่วมธุรกิจก็เลยไม่มีรายได้กลับมา เป็นผลให้ทุนร่อยหรอ ไม่สามารถยืนระยะอยู่ได้ แล้วเค้าทำยังไงกันเล่าถึงล้มเหลว ไปดูกันต่อ

สาเหตุ ของความล้มเหลว ก็เนื่องมาจากวิธีการทำงาน ธุรกิจเครือข่ายเกิดขึ้นบนโลกเบี้ยว ๆ ใบนี้มาได้ 60 กว่าปีแล้ว (ผมว่าแก่กว่าพวกเราทุกคนท่านอ่านบทความอยู่รวมทั้งผมด้วย) เนื่องจากสมัยนั้นการสื่อสารยังไม่ทันสมัย การคมนาคมก็ไม่สะดวก วิธีการทำงานจึงทำอยู่ในวงแคบ ๆ บอกต่อกันในหมู่คนรู้จัก ญาติสนิทมิตรสหาย แต่อะไรจะไปได้เร็วและไกลได้เท่าลมปากของคน ธุรกิจเครือข่าย เลยประสบความสำเร็จและยั่งยืนมาอยู่ถึงทุกวันนี้ เป็นผลให้วิธีการนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็นวิธีการที่ถูกต้อง ผ่านการพิสูจน์มาแล้ว(นักธุรกิจเครือข่ายระดับสูงชอบพูดจังคำนี้) วิธีการนี้ นักธุรกิจเครือข่าย จะเรียกกันว่า Offline รายละเอียดของวิธีการทำงานแบบ Offline ที่ทำกันเหมือนกันทุกบริษัทในปัจจุบันมีดังนี้
• ลิสต์รายชื่อผู้มุ่งหวัง (ก็คนที่รู้จักนั่นแหละ)
• โทรนัดหมาย
• เข้าพบเพื่อแนะนำบริษัท ผลิตภัณฑ์ โอกาสทางธุรกิจ (เรียกให้หรูว่า STP ย่อมาจาก Show the Plan, Share the Product) หรืออาจใช้เอกสารประกอบจำพวก โบชัวร์ , CD
• เชิญเข้าร่วมงานต่าง ๆ ที่บริษัทจัดขึ้น เพื่อกระตุ้นต่อมอยากในใจคน (Motivate)
• ปิดการสมัคร
• เข้าอบรมหลักสูตรต่าง ๆ เพื่อพัฒนาตนเอง
• แล้วก็สอนให้ผู้สมัครใหม่ ทำตามขั้นตอนเหมือนเดิม
ไม่ใช่วิธีแบบเดิม ๆ จะไม่ได้ผลทั้งหมด มีคนที่ประสบความสำเร็จจากวิธีแบบเดิม ๆ ก็มี(น้อย) ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่ง ที่มีความคิดริเริ่ม(อันนี้ชมจากใจจริง) เห็นว่านี่มันยุคอะไรแล้วพ่อคู้ณณณณณ.............นี่มันยุคดิจิตอลแล้ว ต้องไปทำงานกันบนอินเตอร์เน็ต จึงเกิดการทำงานที่เรียกว่า Online มีเว็บไซด์เป็นของตัวเอง แนะนำธุรกิจกันผ่านระบบ Conference แล้วใครหละจะเข้ามาดูเว็บเรา ใครหละจะมาประชุมฟังการบรรยาย งั้นก็ต้องลงโฆษณาในอินเตอร์เน็ตและเกิดวิธีการทำ Spam mail คือ การส่ง e-mail ไปยังคนที่เราไม่รู้จัก ไม่ต้องสนใจว่าผู้รับต้องการรับข่าวสารที่ส่งไปไหม มีความสนใจในธุรกิจของผู้ส่งไหม เพื่อผลอย่างเดียวคือสร้างโอกาสให้ผู้กระทำ แล้วก็ถ่ายทอดวิธีกันต่อไป การทำงานทั้ง Offline – Online มีค่าใช้จ่าย ซึ่งแน่นอนที่สุด คุณจ่ายเอง ไม่สามารถไปเบิกจากเสาไฟฟ้าได้

จากการทำงานทั้ง Offline - Online ผมพบว่ายังมีผู้คนสนใจเป็นจำนวนมาก ไม่สนใจก็เยอะ แล้วอะไรถึงทำให้ยังมีผู้คนสนใจ ก็เพราะพื้นฐานในจิตใจของคนที่ว่า อยากสบาย อยากรวย อยากมีชีวิตยืนยาว อยากมีสุขภาพแข็งแรง ไม่อยากทำงาน มีเวลาว่างมาก ๆ ส่วนที่ไม่สนใจก็เพราะ กลัวถูกหลอก กลัวทำไม่ได้ ยังเข็ดอยู่ ไม่เชื่อว่าทำได้จริง ได้รับคำเตือนว่า "อย่าทำธุรกิจเครือข่าย" จากผู้คนรอบข้างและผู้คนที่ล้มเหลวมาก่อน(แปลกแฮะ เชื่อคนแพ้ ไม่เชื่อคนชนะ)

แล้วทำไมผมยังทำ ธุรกิจเครือข่าย ก็เพราะยังมีผู้คนที่สนใจอย่างที่ผมบอกไปแล้ว เมื่อยังมีคนสนใจทำไมผมจะต้องเลิกหละ ในทางเศรษฐศาสตร์ เมื่อมี Demand ก็ต้องมี Supply แต่ วิธีการที่กล่าวมาทั้ง Offline - Online ผมทำมาหมดแล้ว สำเร็จก็ไม่เยอะ เจ็บมาก็แยะ แต่โดยรวมแล้วผลตอบแทนที่ได้รับกลับมายังไม่คุ้มกับเงินลงทุนและเวลาทีเสียไป เป็นเพราะอะไรรู้ไหมครับ เพราะผมสวมบทผู้ไล่ล่า ไม่มีความเชี่ยวชาญ ก่อนเข้าร่วม ธุรกิจเครือข่าย ฉลาดยังไงก็ยังคงฉลาดเท่าเดิม(หรือว่าโง่ยังไงก็โง่ยังงั้น) ซึ่งก็เหมือนกับผู้คนส่วนใหญ่ที่ล้มเหลว

ผมเสาะแสวงหาวิธีการ ความรู้ใหม่ๆ ที่จะทำให้ประสบความสำเร็จ เพราะผมเชื่อมั่นว่า ธุรกิจเครือข่าย สามารถทำให้ผมประสบความสำเร็จ ให้ผลตอบแทนมหาศาลแก่ผมได้ จนในที่สุดผมพบทางออก ทางออกก็คือ ต้องเป็น ผู้ที่มีความรู้ในการทำธุรกิจเครือข่าย มีความเชี่ยวชาญในเรื่องการตลาด และเป็นผู้ให้ ซึ่งจะดึงดูดผู้คนให้หลั่งไหลเข้ามาหาผมเอง มาขอคำแนะนำ ขอร่วมทำธุรกิจกับผมเอง ทางออกที่ว่าก็คือ "ระบบดึงดูดอัตโนมัติ" ซึ่งผมเริ่มต้นจาก "คัมภีร์แรงดึงดูด" ที่ทำให้ผมเปลี่ยนความคิด ได้พบวิธีการทำงานแบบใหม่ ทันสมัย ทำงานอยู่ที่บ้าน และที่สำคัญที่สุดแทบไม่ต้องใช้เงินลงทุนเลย ซึ่งคุณก็สามารถเริ่มต้นได้เช่นเดียวกับผมได้ ที่นี่ แบบฟรี ๆ



ทั้งหมดคือสาเหตุว่าที่ผมบอกว่า "อย่าทำ ธุรกิจเครือข่าย&ธุรกิจออนไลน์" ถ้าคุณ "ไม่มีวิธีการ ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ และไม่สามารถเป็นผู้ให้ได้"

โอกาสหน้าผมจะมาเล่าให้ฟังว่า "ทำไม คุณถึงต้องทำธุรกิจเครือข่าย" และ "ทำอย่างไร ให้ประสบความสำเร็จใน ธุรกิจเครือข่าย" ติดตามได้ในบทความต่อ ๆ ไปครับ


Money & Business Blogs - BlogCatalog Blog Directory
Blog Directory & Search engine
Blog Directory

http://supawat-mlm.blogspot.com/

ธุรกิจเครือข่าย